วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร? / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On September 5, 2016

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

คำตัดสินของศาลระหว่างนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กับนายอมเรศ ศิลาอ่อน เป็นหลักการที่ต้องเคารพ โดยรายแรกถูกจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา ส่วนรายหลังรอลงอาญาและปรับ 20,000 บาท รายละเอียดคำตัดสินไปหาอ่านกันเอาเองแล้วกัน

สนจ. ได้รับข้อมูลข่าวสาร 2 ข่าวในเวลาไล่เลี่ยกัน ในฐานะสื่อมวลชนก็มีข้อมูลส่วนหนึ่งในมือ หัวเราะไม่ออก ร่ำไห้มิได้ เอาแบบว่า พล นิกร กิมหงวน คุญหญิงวาด และเจ้าคุณปัจจนึก ต้องให้ไอ้แห้วศักดิ์ โหระพากุล ใช้ภาษามือครับนาย…ฮา

การเมืองไทยจะสกปรก น่าขยะแขยง เหี้ยมโหด เลวร้ายกว่าประเทศอื่นหรือไม่ อย่างไร ก็ย้อนกลับไปดูกันเอาเอง การหักหลัง ใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนข้อเท็จจริง กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานธรรมดาเหมือนถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา หรือหาซื้อยาได้ตามร้านขายยาสามัญประจำบ้าน ป้ายมีชื่อเภสัชกร แต่ก็มีแค่ป้ายชื่อ

การเล่นงานและไล่ต้อนให้จนตรอกคือการเมืองไทย ไม่มีคุณธรรมหรือเปิดทางให้ถอย ศัตรูกับศัตรูคำนับให้กันก่อนเจรจา แต่ซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้ม ไม่ทันคล้อยหลัง มีดอีกฝ่ายก็เสียบเข้ากลางหลังแล้ว

เหมือน “บิลลี่ เดอะ คิด” ท้าดวลแบบหันหลังชนกันเดินไปคนละ 10 ก้าว แต่ “บิลลี่ เดอะ คิด” เดินแค่ 5 ก้าว ก็หันมายืนรอขึ้นไกปืนไว้แล้ว ขณะที่อีกฝ่ายเคารพกติกา เดินนับก้าวจนถึง 10 ก้าว พอหันกลับยังชักปืนไม่พ้นซองก็ถูกยิงใส่แบบไม่รั้งรอ ประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้ว่า “บิลลี่ เดอะ คิด” เป็นมือปืนระดับตำนานที่ชักปืนไว จะไม่ไวได้ไง ก็แม่งโกงและเอาเปรียบคู่ต่อสู้ตลอด…ฮา

เมืองไทยคนที่นับ 1 ถึง 10 มักจะจบลงแบบนี้เช่นกัน จึงขอเป็นกำลังใจให้ “หมอเลี้ยบ” กับชะตากรรมในเรือนจำ

นี่คือความไร้เดียงสาและซื่อบื้อของ “ทักกี้” ที่ยังหลงลมและเชื่อในการเจรจาและการต่อรอง ทั้งที่มันจบไปนานแล้ว

สนจ. กำลังนึกถึงตัวเอง ทำงานกับเศรษฐีระดับแถวหน้าของประเทศนี้มาหลายคน ตอนทำงานด้วยไม่เคยเชื่อหรือให้ราคา คนเหล่านี้ชอบและปลื้มกับพวกสอพลอ พวกนายครับ ครับนาย จะเตือน จะท้วง จะติง ห้าม อะไรก็ไม่ฟัง พอ สนจ. เดินจากมากลับมาตบหลังตบไหล่ว่า เออ มึงเก่งจริง กูให้มึง ทุกทีไป

แล้วไง พอพลาดมาใกล้จะตาย ยกหูหาแทบจะทุกคนไป

“คุณปักษ์ใต้” ทำให้คนดีๆต้องประสบชะตากรรมหลายคน ส่วนพวกไอ้ห้อย ไอ้โหน พวกหน้าม่านรับงานเพื่อเงินนั้นช่างมันเหอะ คนพวกนั้นยอมแลกอยู่แล้ว ไม่ได้รักพรรค รักประเทศ หรือรักคุณปักษ์ใต้เท่าไรหรอก มีใครบ้างก็รู้ๆเห็นๆกันอยู่

ปัญญาชน คนมีสติปัญญาและมีฝีมืออย่าง “หมอเลี้ยบ” จึงต้องกลายเป็น “เอมิแกรนท์” หรือ “อีแวคคูเอท” เสียดายที่ สนจ. แก่เกินกว่าจะเป็นผู้อพยพ ไม่งั้นกูเผ่นเหมือนกัน…ฮา


You must be logged in to post a comment Login