- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
รัฐธรรมนูญปิดล็อกประเทศ / โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข
คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข
สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน
เท่าที่ประเมินแม้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติ สถานการณ์บ้านเมืองก็ยังจะวุ่นวายมากกว่าเดิม เพราะทหารต้องการรักษาฐานอำนาจไว้ และใช้กฎหมายแปลกๆกับประชาชน จะเห็นจากการทวงคืนผืนป่า ยึดรีสอร์ต ยึดสวนที่เขาสร้างและอยู่มา 20-30 ปี อันนี้ผมคิดว่าทหารกำลังสร้างศัตรูกับคนไทยด้วยกันมากขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เพราะเมื่อคนจนตรอกและถูกกดดันมากๆก็จะตอบโต้กลับ ตอนนี้รัฐบาลคิดว่าอำนาจใช้ได้ทุกที่ กำลังหลงอำนาจ
แม้จะประกาศโรดแม็พให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 ประชาชนก็จะไม่ยอมรับการเลือกตั้ง เขารับร่างรัฐธรรมนูญเพราะต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. ไปเสียที เขาเข้าใจว่าเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2550 หลังจากนั้นอีก 4 เดือนก็มีการเลือกตั้ง ซึ่งประชาชนเขาไม่รู้ ไม่ทราบ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็หมกเม็ด ไม่บอกรายละเอียดอะไรทั้งสิ้น
เหมือนสมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พอรับร่างรัฐธรรมนูญแล้วก็ได้รัฐบาลที่มาจากประชาชน เขาคิดอย่างนี้ เพราะเขาไม่ทราบถึงคำถามพ่วง ไม่รู้ว่าคำถามพ่วงหมายความว่าอะไร เขียนยืดยาวให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้เท่านั้นเอง แต่ใช้ภาษาที่ชาวบ้านไม่เข้าใจ เขาก็กาๆไปอย่างนั้นเอง วันนี้ประชาชนเริ่มรู้แล้วว่าถ้าอย่างนี้ก็เหมือนการยึดอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ
เมื่อประชาชนรู้มากขึ้นก็ไปบีบเขามากขึ้น ตรงนั้นก็ผิดกฎหมาย ตรงนี้ก็ผิดกฎหมาย ไม่แก้ปัญหา แต่พยายามจะสร้างปัญหาให้กับประชาชนตลอดเวลา คุณต้องแก้ปัญหาให้เขาอยู่ได้ รวมทั้งกติกาบ้านเมือง
รัฐธรรมนูญจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสถานการณ์วุ่นวาย ผมขอบอกว่าอย่าคิดว่ามันจะสงบ วันนี้อย่าคิดว่าอำนาจปืนจะกดคนอยู่ได้ แล้วก็อย่าคิดว่าคุณจะอยู่ได้ตลอด
ผมขอย้ำว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวายมากกว่าตอนยังไม่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะยิ่งใกล้เลือกตั้ง คนก็ยิ่งไม่ไว้วางใจและเรียนรู้รัฐธรรมนูญมากขึ้น บางคนอาจลุกขึ้นมาต่อต้าน
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจตอนนี้ก็เข้าใจกันอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจมันแย่มาก คนจะไม่มีกินแล้ว สินค้าก็ขายได้น้อยลง ปิดโรงงานเจ๊งกันไป ทุกอย่างเป็นลูกโซ่พัลวันไปหมด คือไม่สามารถทำให้คนมีความสุขได้ คนเหล่านี้ก็จะมาขับไล่พวกท่าน สถานการณ์บีบรัดเข้ามาเรื่อยๆ มันคงไม่สงบ เพียงแต่เขายังปล่อยให้คุณทำงานไป วันนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่ทำวันนี้เท่านั้น แต่จะทำไปอีกหลายปี คราวนี้จะเข้ามาใหม่ตามรัฐธรรมนูญที่เขียนกันเอง ไม่ให้ใครรู้ใครอ่าน แล้วให้เขามารับ ไม่มีที่ไหนในโลกที่เขาทำประชามติแล้วห้ามไม่ให้ประชาชนพูด วิพากษ์วิจารณ์ เอาของสิ่งหนึ่งไปแบให้เขาแล้วถามว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบ เขาพูดก็ถูกจับติดคุก
โลกเขาทำประชามติก็ต้องให้ประชาชนรู้รายละเอียดว่าเนื้อหาเป็นยังไง นี่ไม่รู้เลย อย่าว่าแต่คนต่างจังหวัดเลย คนในเมือง ในกรุงเทพฯ ยังไม่รู้ว่าเขาเขียนอะไรกันบ้าง คุณว่าคุณดี คุณแน่ คุณเก่ง เข้ามาแล้วปราบโกงได้ ทำไมไม่แบให้ดูล่ะ อย่าคิดว่าจะอยู่ได้ตามรัฐธรรมนูญ วันนี้คุณมาคุมทั้งประเทศได้ แต่ทำอะไรเป็นบ้าง คิดว่าจะอยู่ต่อได้ แล้วคุณคิดว่าจะฆ่าประชาชนได้หมดหรือ ผมคิดว่าสถานการณ์จะเริ่มไม่ราบรื่นหลังจากนี้
แนวโน้มการเมืองหลังเลือกตั้ง
ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งและได้เสียงข้างมากเหนือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำ หรือไม่มีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็ยังยืนหยัดกับประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็พูดอย่างทำอย่าง พูดมีเลศนัยต่างๆให้คิด เหมือนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พูดว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ฟังดีๆแล้วนายอภิสิทธิ์ก็พูดวกว่าเป็นโอกาสของ พล.อ.ประยุทธ์จะได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คนเลยกลัวตามนายอภิสิทธิ์ ไม่รับแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่อีก ไม่รู้ว่าพูดให้คนไม่รับหรือให้คนรับ
พรรคประชาธิปัตย์ชอบเล่นเกมแบบนี้ ผมจึงมองว่าเสียงของพรรคประชาธิปัตย์จะน้อยลงกว่าเดิม อาจได้เสียงต่ำกว่าร้อยด้วยซ้ำไป ส่วนพรรคเพื่อไทยแม้จะชนะและได้เสียงข้างมาก แต่จะได้เสียงไม่มากเกินกึ่งหนึ่ง จึงให้จับตาพรรคเล็กพรรคน้อยที่เขาจะตั้งใหม่ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เพราะเขาจะปัดคะแนนที่ผู้สมัครสอบตกเอาไปคิดในบัญชีรายชื่อ แจกพรรคที่ไม่ได้คะแนน ส.ส.เขต พรรคเล็กพรรคน้อยจึงจะมีส่วนในคะแนนที่เหลือ เขาเรียกว่ามากินเนื้อข้างเขียง พรรคเล็กพรรคน้อยจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญแบบนี้ เขาไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่ไปลงสมัคร เดี๋ยวก็ได้คะแนนเอง พลอยฟ้าพลอยฝนได้ ส.ส. 5 คน 7 คน หรือ 8 คน คราวนี้พรรคพวกนี้ก็จะไปอยู่ซีกฝ่ายผู้มีอำนาจ สร้างความยุ่งวุ่นวายในการจะทำงานให้กับประชาชน
ผมถึงยอมรับว่าโอกาสของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งสมัยหน้าคงไม่ได้ ส.ส. เกินครึ่ง ทำให้ไม่สามารถยืนบนขาตัวเองได้ ต้องอาศัยพรรคเล็กพรรคน้อย แต่ในการพบปะพูดคุยกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคเพื่อไทยมีสมาชิกบางคนเสนอว่าพรรคควรจะทำสัตยาบันกับพรรคการเมืองถ้าจะสู้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สมมุติพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่ทำสัตยาบันกันว่า เราจะกอดคอไปด้วยกัน ถ้าเสียงไม่พอก็จะค้านด้วยกัน ถ้าเป็นรัฐบาลก็จะไปด้วยกันอะไรอย่างนี้ นี่เป็นแค่การพูดคุยกันบนโต๊ะกาแฟ ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน จับมือกันไว้ก่อนเพื่อปิดประตูไม่ให้ทหารเข้ามา แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องยากที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงทุกพรรคก็ยากที่จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล นอกจากจะไปแตะกับทหาร
มีข่าวว่าอาจมีการตั้งรัฐบาลล่วงหน้า
ผมคิดว่าการเมืองก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะเขาก็ต้องเตรียมกัน ต้องดูเสียงว่า ส.ว. 250 เสียงแล้ว เขาจะหาอีก 120-150 เสียงอย่างไร ผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์สุดท้ายคงไปอยู่กับรัฐบาลทหารแน่นอน เพราะพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยคงเข้ากันไม่ได้ จะมีการลอยแพพรรคเพื่อไทยหรือไม่ยังไม่รู้ แต่กติกามันออกมาอย่างนี้ การหาเสียงจะมีกฎหมายอย่างไรก็ยังไม่รู้ แต่เชื่อว่าต้องมีการคุมเข้ม มีกฎระเบียบมากมายเรื่องการหาเสียง มีโทษยุบพรรค การออกกฎหมายลูกครั้งนี้เพื่อให้นักการเมืองเคลื่อนไหวได้ยากลำบาก เพราะฉะนั้นพรรคการเมือง นักการเมืองจะเข้าถึงประชาชนน้อยลง นี่ถือเป็นข้อเสียของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
หาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯคนนอก
ถึงวันนั้นจริงๆหาก พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือคนในวงศ์วานเขากลับมาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมคิดว่าจะอยู่ไม่ได้นานแน่นอน เลือกตั้งแล้ว มาตรา 44 ก็ไม่มี คุณจะมาบังคับประชาชนเหมือนอย่างวันนี้ไม่ได้ พอบังคับไม่ได้เขาก็จะออกมา เพราะเขาไม่ชอบคุณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่าคิดว่าคุณจะอยู่ได้ถึง 4 ปี แม้จะให้ ส.ว. ยกมือให้ก็ตาม อย่าฝัน แล้วประเทศไทยก็จะเละเทะอยู่อย่างนี้ พม่าเขาก็จะไปแล้ว ต่อไปเราก็คงจะไปเกาะชายโสร่งพม่า ตามหลังพม่า วันนี้คนไทยอย่าดีใจ ผมบอกว่าหากอยู่อย่างนี้อีก 3 ปี คนไทยก็ต้องไปทำงานที่พม่า เพราะนักลงทุนต่างชาติจะย้ายฐานการลงทุนไปพม่า เนื่องจากสถานการณ์ในไทยไม่น่าไว้วางใจ เขามาลงทุนแล้วบอกว่าผิดตรงนั้นผิดตรงนี้ มีกฎหมายสารพัด
เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นสะท้อนอะไร
เหตุการณ์ระเบิดป่วนเมือง 7 จังหวัดทางภาคใต้ที่ผ่านมา อุปกรณ์ที่ทำระเบิดมาจากมาเลเซีย เขาก็ยอมรับว่าเป็นอุปกรณ์ที่มาจากโน่น เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องการเมือง น่าจะเป็นเรื่องที่อาจโยงใยปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเขารู้ว่าสถานการณ์วันนี้ รัฐบาลวันนี้ แม้จะมีอำนาจปืนในมือ แต่เป็นรัฐบาลที่คนชอบน้อย เหมือนประเทศไทยเป็นโรคแล้ว คนที่ป่วนเมืองก็มาซ้ำเติมเข้าไปอีกเพื่อให้เซหนักตามเป้าหมายที่เขาตั้งใจ
ผมคิดว่าถ้าสถานการณ์หรือถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังครองอำนาจแบบใช้อำนาจอย่างนี้ ผมขอยกคำวิเคราะห์จากท่านผู้รู้คนหนึ่งที่ว่า ประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 2-3 ประเทศในอนาคตแน่นอน ผมคิดว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ ตั้งแต่มีการยึดอำนาจและรัฐบาลเข้ามา จริงๆแล้วประชาชนไม่ใช่มีแค่ 2 ฝ่าย แดงกับเหลืองเหมือนเมื่อก่อน ขณะนี้มีหลายฝ่ายมากกว่านั้น วันนี้มีเขียวขี้ม้าอีก ฝ่ายรัฐบาลยังไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับอีกพวกหนึ่ง มันแตกแยกจนสุดที่จะเยียวยาแล้ว ไม่ใช่เข้ามาเพื่อสร้างความปรองดองเลย รัฐบาลตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับคนอีกกลุ่มหนึ่งจนทำให้ความขัดแย้งกลายเป็น 3-4 กลุ่ม กลายเป็นความขัดแย้งกลุ่มใหญ่ สร้างความเกลียดชังให้กันและกันมากขึ้น คุณปล่อยให้โฆษกรัฐบาลอยากพูดอะไรก็พูดตามใจชอบ ระเบิดป่วนเมืองยังไม่ทันจะรู้อะไรเลยก็บอกว่าเป็นฝีมือพวกกลุ่มอำนาจที่สูญเสียอำนาจ ทำไมคุณไม่ตามจับล่ะเมื่อคุณรู้ พูดว่าเป็นพวกการเมือง นักการเมือง พวกอำนาจเก่าที่เสียผลประโยชน์ พูดโดยไม่รู้เรื่อง แล้วติฉินนินทาชาวบ้าน
ผมไม่รู้ว่ามาเป็นโฆษกรัฐบาลได้อย่างไร เขาไม่ให้คุณคิด โฆษกรัฐบาลต้องพูดตามมติการประชุม ออกมาอย่างไรก็แถลงบอกประชาชน เอาสาระของที่ประชุมมาพูดให้ประชาชนฟัง ไม่ใช่ให้คุณคิดเอง
ผมฝากบอกไก่อูด้วยว่า อย่าขันพร่ำเพรื่อและขันไม่เข้าท่า พูดแล้วมันแตกแยก แล้วไปจับแพะจับแกะ ให้สัมภาษณ์ไปคนละทางสองทาง จับเขามั่วไปหมด สุดท้ายก็ต้องปล่อย แล้วหาคดีอื่นมายัดเยียดแทน ผมมองว่าการทำงานของหน่วยงานด้านมั่นคงของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
บทบาท นปช. และภาคประชาชน
นปช. ยังต้องเป็นฝ่ายค้าน คอยตรวจสอบรัฐบาล คสช. อย่างเข้มข้น รัฐบาลทหารกับ นปช. จะขัดแย้งกันรุนแรงมากขึ้น เพราะรัฐบาลทหารมอง นปช. มองคนเสื้อแดงว่าเหมือนผู้ร้าย เมื่อมีอคติอย่างนี้ก็จะเป็นศัตรูกันตลอดไป จะมีคดีต่างๆก็ว่ากันไป แต่จะให้เขาถอยเขาคงไม่ถอย นปช. และคนเสื้อแดงต้องมีบทบาทต่อไปและอาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะรุนแรงมากขึ้น ไม่ได้เกิดทางกายก็รุนแรงอยู่ในใจ รอวันระเบิดและรอโอกาส ถ้าไม่สามารถทำให้เกิดความสงบได้ ผมว่าจะเกิดวิกฤตอย่างหนักในประเทศไทย
อนาคตประชาธิปไตย
ผมมองดูแล้วเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้แทบแก้ไขอะไรไม่ได้เลย เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะทั้ง 2 พรรคยังเป็นศัตรูทางการเมืองกันอยู่อย่างนี้ อะไรดีเขาก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นชาตินี้พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยก็จะเป็นปรปักษ์ทางการเมืองและเข้ากันไม่ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงแก้ไม่ได้ เท่ากับปิดล็อกประเทศทั้งชาติเลย ผมเชื่อว่ารัฐธรรมนูญจะปิดล็อกประเทศนี้ ทำให้ย้อนกลับถอยหลังไปใกล้เคียงกับระบอบศักดินา ระบบเจ้าขุนมูลนายต่างๆ
เพราะจะมีคนที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาส่วนหนึ่ง พวกแต่งตั้งจะสามารถเข้ามาจัดการมีอำนาจในประเทศ พวกเลือกตั้งก็เลือกกันไป แต่ไม่มีโอกาสบริหารประเทศ ก็จะเป็นอย่างนี้ เขาเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อล็อกประเทศให้กลับสู่การปกครองแบบเดิม แบบอำมาตยาธิปไตย นี่คือรัฐธรรมนูญฉบับย้อนยุคล็อกประเทศกลับสู่ยุคเดิมโดยประชาชนไม่รู้
You must be logged in to post a comment Login