- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
สะเด็ดน้ำ! / โดย นายหัวดี
คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
การใช้ “มาตรา 44” เรียกคืนที่ “ส.ป.ก.4-01” จากผู้ถือครองที่ดินที่ผิดกฎหมาย ถ้าทำอย่างจริงจังและไม่มีการยกเว้นใดๆจริงก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับเกษตรกรที่ยากจน เพราะกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมระบุชัดเจนว่า ผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน “ส.ป.ก.4-01” ต้องมีฐานะยากจนเพื่อทำเกษตรกรรมเท่านั้น
ที่สำคัญคือ ห้ามซื้อขายที่ดินใดๆทั้งสิ้น การเปลี่ยนมือทำได้เพียงการโอน แบ่งแยกและตกทอดทางมรดกให้บุคคลในครอบครัวเท่านั้น ได้แก่ สามี ภรรยา บุตร บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดามารดา พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดา และหลาน สามารถเช่าหรือเช่าซื้อเพื่อเกษตรกรรม แต่ไม่อนุญาตให้เช่าเพื่อจุดประสงค์อื่น
การประกาศใช้ “มาตรา 44” บังคับเรียกคืนผู้ถือครองที่ดินที่ผิดกฎหมายมากกว่า 500 ไร่ จำนวน 425 แปลงหรือ 430,000 ไร่ ใน 25 จังหวัดให้เสร็จภายใน 129 วันและนำมาจัดสรรให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินภายใน 1 ปีนั้น เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่เมื่อใช้ความเด็ดขาดแล้วก็ต้องทำให้ “สะเด็ดน้ำ”
ส.ป.ก.ต้องตรวจสอบที่ดิน “ส.ป.ก.4-01” ที่จัดสรรให้เกษตรกรประมาณ 32 ล้านไร่ให้ชัดเจนว่าไม่มีการถือครองที่ผิดกฎหมาย ผิดก็ต้องบังคับเรียกคืนทันที
เช่นเดียวกับนายทุน นักการเมืองที่ฮุบป่าสงวน ไม่ว่าภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี กระบี่ ฯลฯ มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำผิด ทำไมไม่ใช้ “มาตรา 44” เหมือนกรณี “ภูทับเบิก”!
You must be logged in to post a comment Login