- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
เทศน์ในหมึก / โดย ปีเตอร์ ปัญญาชน
คอลัมน์ : พระวจนธรรม
ผู้เขียน : ปีเตอร์ ปัญญาชน
หลายท่านเปรียบชีวิตเหมือนสายน้ำที่ไหลไปแล้วไม่ไหลกลับ คิดไปก็มีส่วนถูกเหมือนกัน เพราะวันเวลาที่เราใช้ไปทุกวันผ่านแล้วผ่านเลย เราไม่สามารถกลับไปสู่วันวานหรือปีก่อนได้ นับวันมีแต่จะสูญหายไปกับเวลาที่พระเจ้าให้เรามาโลดแล่นในโลกนี้ มันหมุนผ่านไปไม่เคยหยุด ไม่เคยเหนื่อย มีแต่มนุษย์ที่รู้สึกเองว่ามันหมุนเร็วหรือช้า ก็แล้วแต่วิถีชีวิตของแต่ละคนในขณะนั้นเป็นอย่างไร
หากเราคิดให้รอบคอบและไม่เข้าข้างตัวเองก็จะพบว่าชีวิตนั้นไม่ยาวเลย อยู่ในโลกนี้โดยเฉลี่ย 70 ปี หากเกินกว่านั้นถือว่าเป็นคนแข็งแรงและพระเจ้าแถมให้พิเศษ แต่ส่วนมากแม้แต่ตัวผมเองเมื่ออายุมากขึ้นก็ยอมรับว่าวันเวลาที่พระเจ้าให้เรามาอยู่ในโลกนั้นสั้นเหลือเกิน
ที่ว่าสั้นก็เพราะว่าเมื่อเด็กๆเราพึ่งตนเองไม่ได้เลย ต้องอาศัยพ่อแม่หรือผู้อื่นดูแล พอโตขึ้นหน่อยก็เรียนหนังสือ กว่าจะจบปาเข้าไปเกือบครึ่งชีวิตแล้ว จากนั้นก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จากนั้นก็มีครอบครัว ลำบากตรากตรำหาเลี้ยงครอบครัว อีกไม่นานก็เข้าขั้นคนชรา
เรื่องนี้มีเพื่อนของโยบชื่อบิลดัดได้กล่าวไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์กับโยบว่า “ขอท่านจงถามคนรุ่นก่อน และพิเคราะห์สิ่งที่บรรพบุรุษค้นพบ เพราะชีวิตเราสั้นเหมือนวันวาน จะรู้อะไรก็หาไม่ เพราะวันคืนของเราบนโลกเหมือนเงา” (โยบ 8:8-9 ฉบับมาตรฐาน)
เมื่อตอนหนุ่มๆผมมักเป็นคนชอบตอบปัญหาชีวิต ทำตัวเป็นผู้รู้มากกว่าคนอื่น เขียนบทความหรืออื่นๆสามารถเขียนได้เร็วมาก วันหนึ่งสามารถเขียนได้หลายเรื่องสบายๆ แต่ในขณะนี้พออายุมากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย จนไม่อยากจะเขียนหรืออธิบายเรื่องของชีวิต ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเรารู้ เราเห็น และมีประสบการณ์มากขึ้น ทำให้ไม่กล้าเขียน หรือเขียนอะไรก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น
ตอนนั้นไฟแรงเต็มสูบ ไม่ต้องคิดมาก อยากเขียนอะไรก็เขียนไป เรียกว่ากำลังอยู่ในวัยคึกคะนอง แต่ยิ่งรู้มาก เห็นมาก แม้แต่ในวงการศาสนาบางครั้งก็มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ชนิดเรียกว่าไวรัสฟาริสีกำลังระบาดหนักทีเดียว (ท่านที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนอาจไม่เข้าใจคำว่าฟาริสีแปลว่าอะไร อยากแนะนำให้ลองเปิดหาอ่านเรื่องราวของฟาริสีได้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์)
ยิ่งในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยี การสื่อสารกำลังเฟื่องฟูบูมสุดขีด มีทั้งโซเชียลมีเดีย โทรทัศน์สารพัดช่อง ทำให้ผู้คนส่วนมากหันไปนับถือพระเจ้าเงินตราและวัตถุมากขึ้น ขอให้ทุกท่านพึงระมัดระวัง อย่าลืมว่า “ชีวิตนั้นสั้นนัก” อยากทำอะไรดีๆก็รีบทำเลยครับ ไม่ต้องรอพรุ่งนี้
“ท่านอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะพระองค์ได้ตรัสว่า “เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย” (ฮีบรู 13:5)
You must be logged in to post a comment Login