- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 4 hours ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 4 hours ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 4 hours ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 4 hours ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 1 day ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 4 days ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 5 days ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 6 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 1 week ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 1 week ago
วัคซีนผู้สูงวัย / โดย พล.ต.นพ.พีระพัฒน์ วิริยธรรมภูมิ
คอลัมน์ : โลกสุขภาพ
ผู้เขียน : พล.ต.นพ.พีระพัฒน์ วิริยธรรมภูมิ
คนสูงวัยมักจะเป็นโรคที่ติดเชื้อได้ง่ายกว่าวัยอื่นๆ และมีอัตราการเสียชีวิตสูง ผู้สูงอายุในวัย 60 ปีขึ้นไป อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง เนื่องจากมีภูมิต้านทานต่ำ เสี่ยงเกิดโรคติดเชื้อที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง โดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคงูสวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม รวมทั้งโรคบาดทะยัก เพราะภูมิต้านทานต่ำกว่าคนในวัยอื่นๆ
ผู้สูงอายุมีโอกาสติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าคนทั่วไป อีกทั้งยังมีความรุนแรงมากกว่า สังเกตได้ว่าผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าวัยเด็กและวัยทำงาน เมื่อผู้สูงอายุเกิดโรคติดเชื้ออาจจะมีอาการที่รุนแรง ใช้เวลาในการรักษานานกว่า และเสี่ยงต่อภาวะป่วยเรื้อรัง พิการ หรือเสียชีวิตได้
วัคซีนจึงเป็นความจำเป็น เพื่อช่วยลดความเจ็บปวด และทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะผลกระทบที่ตามมาของผู้ป่วยสูงอายุคือ ค่าใช้จ่ายในระยะยาวที่สูงกว่าผู้ป่วยในวัยอื่นๆ รวมถึงเวลาที่สูญเสียไประหว่างการรักษาด้วย จึงจำเป็นต้องเลือกวัคซีนที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ อาทิ
“วัคซีนไข้หวัดใหญ่” ในคนทั่วไปอาการมักไม่รุนแรง และหายได้เองใน 3-5 วัน แต่หากเป็นผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจทำให้มีอาการรุนแรงและพบภาวะแทรกซ้อนได้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ควรฉีดเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายฤดูฝนถึงช่วงฤดูหนาว เพราะเชื้อโรคมีการเปลี่ยนสายพันธุ์ที่ระบาดทุกปี ส่วนผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนอาจมีอาการไข้ต่ำ ปวด บวม แดง สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบน้ำอุ่น และรับประทานยาแก้ปวด ลดไข้ อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
“วัคซีนปอดอักเสบ” ป้องกันโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี และยังเป็นสาเหตุของการติดเชื้อรุนแรง เช่น การติดเชื้อในกระแสโลหิต เยื่อหุ้มสมองอักเสบในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยตัดม้าม ผู้ป่วยตับวายหรือไตวาย วัคซีนป้องกันโรคปอดบวมหรือวัคซีนนิวโมค็อกคัสฉีดเมื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป เข้ากล้ามเนื้อ 2 เข็ม เข็มแรกแนะนำให้ฉีดชนิด 13 สายพันธุ์ และเข็มที่สองเป็นชนิด 23 สายพันธุ์ ฉีดห่างกัน 1 ปี ไม่ต้องฉีดกระตุ้นอีก โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อรุนแรง ได้แก่ ผู้ที่ได้รับการตัดม้าม และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง โดยหลังฉีดวัคซีนอาจมีอาการแดงหรือปวด เป็นผื่นแดงบริเวณที่ฉีด และอาจมีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน ซึ่งหายได้ภายใน 1-2 วัน ด้วยยาแก้ปวดลดไข้
“วัคซีนป้องกันงูสวัด” เป็นโรคที่พบได้บ่อย และพบอุบัติการณ์มากขึ้นเมื่ออายุมากกว่า 50 ปี ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือ ภาวะปวดเรื้อรัง มีอาการปวดเจ็บแสบร้อนตามแนวเส้นประสาทเรื้อรัง และอาการปวดอาจเป็นอยู่ตลอดชีวิต ในผู้สูงอายุมักพบความรุนแรงกว่าคนวัยอื่น วัคซีนสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคงูสวัดได้ร้อยละ 51.3 โดยแนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพียงเข็มเดียว จากนั้นไม่ต้องฉีดกระตุ้นอีก ห้ามฉีดในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนมักพบบริเวณที่ฉีด เช่น อาการคัน แดง อาจมีไข้ต่ำๆ แต่จะหายภายใน 2-3 วัน
ส่วนวัคซีนไข้เลือดออกเริ่มมีใช้แล้ว แต่ยังรอรายงานผลสำหรับผู้สูงอายุ การพิจารณาฉีดวัคซีนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและเลือกวัคซีนที่เหมาะสมจากข้อดีและข้อเสีย โดยดูจากประวัติสุขภาพ กลุ่มอายุของผู้รับบริการ ประวัติการแพ้อาหาร ยา สมุนไพร วิตามิน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
You must be logged in to post a comment Login