- ปีดับคนดังPosted 4 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
กีฬาเป็นยาวิเศษ / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
การชมการแข่งขันกีฬาเป็นการพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประเภทหนึ่ง แต่ใครจะเชื่อว่าคนบางคนให้ความสำคัญกับเกมกีฬาจนไม่สนใจภัยพิบัติที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา นักกีฬายังคงทำการแข่งขันต่อไป ขณะที่คนดูก็ตะโกนเชียร์ทีมของตนจนจบการแข่งขัน ทั้งๆที่ในเวลานั้นเกิดไฟลุกไหม้อาคารที่อยู่ข้างสนาม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกบันทึกภาพโดยช่างภาพสมัครเล่นคนหนึ่งและสำนักข่าวหลายแห่งนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วโลก แต่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คิดว่าเป็นการตกแต่งภาพ เพราะถ้าเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารข้างสนามจริง คนสติดีคงยุติการแข่งขันแล้วรีบกันฝูงชนออกจากพื้นที่ ไม่ปล่อยให้การแข่งขันดำเนินต่อไป
การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลประเพณีระหว่างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเมาท์เฮอร์มอนและเดียร์ฟิลด์ ในเมืองนอร์ทฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีติดต่อกันมานานหลายสิบปี วันที่ 20 พฤศจิกายน 1965 เป็นอีกวาระที่นักกีฬาทั้ง 2 โรงเรียนมาพบกันโดยเมาท์เฮอร์มอนเป็นเจ้าภาพ
ผู้บริหารโรงเรียนมีคำสั่งให้ถอดอุปกรณ์ต่างๆออกจากรถดับเพลิงของโรงเรียนเพื่อนำรถมาใช้บรรทุกนักเรียนเข้าขบวนพาเหรดพิธีเปิดการแข่งขัน เป็นการแข่งขันกีฬาเพียงชนิดเดียวที่มีในช่วงเวลานั้นในเมืองนอร์ทฟิลด์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทำให้คนจำนวนมากแออัดเข้ามาชมราว 7,000 คน
กลิ่นตุๆ
โรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนสามารถเอาชนะการแข่งขันได้ถึง 17 ครั้งติดต่อกัน เพิ่งจะเสียแชมป์ครั้งแรกเมื่อปีก่อนหน้านี้ เป็นเกมการแข่งขันที่มีความหมายมากสำหรับนักเรียนและศิษย์เก่าโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนและเดียร์ฟิลด์ ปีนี้สนามแข่งขันค่อนข้างเฉอะแฉะ หลังจากการแข่งขันเริ่มต้นไม่นาน นักกีฬาทั้ง 2 ทีมก็เลอะเทอะไปด้วยขี้โคลน
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ผู้ชมบางคนได้กลิ่นควันไฟลอยโชยมาแต่ไม่รู้ว่ากลิ่นนั้นมาจากไหน ตอนนั้นโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนมีคะแนนตามหลังโรงเรียนเดียร์ฟิลด์ 0-20 ทันใดนั้นเองก็มีคนตะโกนบอก “ไฟไหม้ๆ” แล้วกรรมการก็เป่านกหวีดให้ยุติการแข่งขันเพราะเป็นเวลาพักครึ่งพอดี
ผู้บริหารโรงเรียนและกรรมการแข่งขันกีฬาประชุมกันเร่งด่วน ได้ข้อสรุปว่าให้การแข่งขันกีฬาดำเนินต่อไปจนจบการแข่งขัน วงดุริยางค์ออกมาบรรเลงเพลงช่วงพักครึ่งตามปรกติ ทุกอย่างดำเนินไปตามตารางที่กำหนดไว้นอกเสียจากบรรยากาศรอบข้างที่ร้อนระอุเพราะความร้อนจากเปลวเพลิงที่พัดเข้าใส่
โรเบิร์ต แวน ฟลีต นักเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น นั่งอยู่กึ่งกลางของอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามตึกวิทยาศาสตร์ที่กำลังเกิดเพลิงไหม้ เขาบังเอิญพกกล้องถ่ายภาพติดตัวมาด้วยจึงยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ราว 20 ภาพ
มือสมัครเล่น
โรเบิร์ตไม่ได้มาชมการแข่งขันกีฬาในฐานะผู้สื่อข่าว แต่มาในฐานะผู้ปกครอง เพราะเจมส์ ลูกชายของเขา เป็นหนึ่งในนักกีฬาทีมโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอน ใส่เสื้อหมายเลข 64 เขามีอาชีพเขียนบทความ ไม่ได้หากินด้วยการถ่ายภาพ แต่บังเอิญเขานั่งในตำแหน่งที่อยู่กึ่งกลางของสนามพอดิบพอดี ทำให้ได้ภาพที่เห็นนักกีฬาของทั้ง 2 ทีมโดยมีตึกวิทยาศาสตร์ที่กำลังถูกเพลิงไหม้อยู่เบื้องหลัง
ภาพถ่ายของโรเบิร์ตถูกซื้อไปโดยสำนักข่าวระดับโลกอย่าง AP และ UPI มันถูกนำไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หัวต่างๆในหลายประเทศทั่วโลก และได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพถ่ายกีฬายอดเยี่ยมประจำปี 1965 แต่มีน้อยคนนักที่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น
หลายคนไม่เชื่อว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง เพราะจากภาพที่เห็นเพลิงกำลังไหม้อาคารที่อยู่ข้างสนาม จะมีใครที่ไหนบ้าพอที่จะปล่อยให้การแข่งขันกีฬาดำเนินต่อไปและผู้ชมก็ยังคงนั่งชมการแข่งขันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ความเป็นจริงก็คือ ตึกวิทยาศาสตร์ไม่ได้อยู่ข้างสนามฟุตบอลเหมือนกับที่เห็นในภาพ มันอยู่ห่างออกไปราว 100 เมตร ไม่มีทางที่เพลิงจะลุกลามมาทำอันตรายผู้คนที่อยู่ในสนามกีฬาได้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผู้บริหารโรงเรียนตัดสินใจให้การแข่งขันดำเนินต่อไป
การแข่งขันต้องดำเนินต่อไป
เปลวเพลิงเกิดขึ้นภายในตัวอาคารวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอน นอกจากจะเป็นห้องทดลองที่เต็มไปด้วยน้ำยาเคมี ยังเป็นสถานที่เก็บรักษาสัตว์สตัฟฟ์ที่ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด ซึ่งทั้งหมดถูกทำลายด้วยเปลวเพลิงหรือไม่ก็น้ำที่ใช้ในการดับเพลิง
หลังจากที่ผู้บริหารประกาศการตัดสินใจให้กรรมการการแข่งขันทราบ ผู้ควบคุมทีมเดียร์ฟิลด์สั่งให้นักกีฬาลงสนาม แต่บิล ค็อกฮิล ผู้เล่นตำแหน่งแท็กเกอร์ทีมรับ ปฏิเสธที่จะลงเล่น ผู้ควบคุมทีมจึงสั่งอีกครั้งว่าไม่ใช่แค่ให้ลงเล่นต่อไปเท่านั้น แต่ต้องล่อทีมโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนให้หนักเป็น 2 เท่า
ครึ่งหลังโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนสามารถตีตื้นขึ้นมาได้เป็น 14-20 และเพลิงก็ยังคงโหมลุกไหม้อาคารวิทยาศาสตร์ ผู้ชมมองเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากหลังคาแต่ไม่เห็นเปลวเพลิง ในที่สุดการแข่งขันก็จบลงด้วยสกอร์ทีมโรงเรียนเดียร์ฟิลด์ชนะ 20-14 เป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 2 ติดๆกันของโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอน
รถดับเพลิงเดินทางมาถึงโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนเป็นเวลาเดียวกับที่เริ่มมีเปลวเพลิงสีส้มโผล่ขึ้นมาให้เห็นจากหลังคาอาคาร เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ตัวอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องทุบทิ้งในเวลาต่อมา
ควบคุมฝูงชน
หลายคนสงสัยว่าทำไมผู้บริหารโรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนจึงสั่งให้การแข่งขันดำเนินต่อไปจนจบทั้งๆที่กำลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียน หรือว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเกมกีฬามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
คำตอบก็คือ ในเวลานั้นมีฝูงชนอยู่ในสนามราว 7,000 คน ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางมาชมการแข่งขันด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลที่จอดกระจัดกระจายกันอยู่ทั้งภายในและภายนอกรั้วโรงเรียน หากยุติการแข่งขันผู้ชมอาจกรูกันมามุงดูเหตุการณ์เพลิงไหม้ ทำให้กีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาเอง
แต่ถ้าหากตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน พวกเขาก็จะกรูกันไปขึ้นรถที่จอดระเกะระกะทั่วพื้นที่ ทำให้กีดขวางการจราจร สร้างความยากลำบากให้กับรถดับเพลิงที่กำลังเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ดังนั้น การตัดสินใจให้การแข่งขันดำเนินต่อไปจึงเป็นการควบคุมฝูงชนให้อยู่เป็นที่เป็นทาง อีกทั้งสนามฟุตบอลอยู่ในระยะปลอดภัย ไม่ได้อยู่ใกล้อาคารที่เกิดเหตุเหมือนที่เห็นในภาพ
การตัดสินใจให้การแข่งขันดำเนินต่อไปจึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้โรงเรียนเมาท์เฮอร์มอนสูญเสียเพียงแค่อาคารวิทยาศาสตร์และแพ้เกมการแข่งขันในวันนั้นเท่านั้น
You must be logged in to post a comment Login