วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โต๊ะตัวเดิม..ตั้งใหม่? / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On September 19, 2016

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

ทยอยไล่เช็กบิลนักการเมือง พวกก่อม็อบ แกนนำตัวหลักของกลุ่มก๊วนทางการเมืองแบบ “สำแดงอำนาจ” ให้เห็นว่าเล่นทุกสี ทุกพวก ทุกฝ่าย ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพื่อสอดรับกับการ “อยู่ยาว” อีก 2 ทศวรรษ แล้วยังปูนบำเหน็จต่างตอบแทนกันตามประสาพี่ๆน้องๆกินข้าวกระทะใบบัวเดียวกัน ก็เอาที่เพ่สบายใจ

อยากอยู่ อยู่ไปเลย คงอยู่ไม่ถึง 2 ทศวรรษ สำคัญที่คนมารับไม้ผลัด 2 ผลัด 3 และผลัดสุดท้ายผลัด 4 มั่นใจว่าอยู่ได้ ลากได้ก็อยู่ไป พลวัตของการเปลี่ยนผ่านมาแน่ เปลี่ยนแล้วจะยังไงเดี๋ยวก็รู้

น่าประหลาดใจที่ของจริงที่เจอตามถนนรนแคม บริษัทห้างร้านของพรรคพวกเพื่อนฝูงในทุกประเภทธุรกิจร้องเป็น “ควายโดนเชือด” ทุกราย ไม่ลดค่าใช้จ่ายก็ต้องลดคนงาน ลดรายจ่ายประจำ เพราะงานและเม็ดเงินหายาก

ไม่ต้องไปอ้างโพลที่ไหน ธุรกิจไต่เส้นกฎหมาย อย่างอาบอบนวดเป็นรูปธรรมที่สัมผัสจับต้องได้ชัดเจนที่สุด ธุรกิจกลางคืนประเภทผับ บาร์ ร้านอาหารที่ขายเหล้าขายเบียร์ เจอมาตรการเที่ยงคืนต้องปิด เปิดตีสองแต่ร้องเพลงไม่ได้ เล่นดนตรีไม่ได้ การจราจรในกรุงเทพฯทำให้กลุ่มเป้าหมายกว่าจะถึงร้านเริ่มต้นดื่มก็สามทุ่ม ใกล้ๆเที่ยงคืนแค่ติดลม จะลากยาวต่อร้านไม่ตอบสนอง แถมออกมายังเจอด่านตำรวจอีก

จะเอานิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ เอากฎหมายบ้านเมืองอยู่ในความสงบ แต่คนทำมาค้าขายเละเป็นโจ๊ก เพราะส่วยและค่าได้ยินต้องจ่ายอยู่แล้วทุกเดือน ใครหน้าไหนอย่าออกมาแถลงโต้ว่าเอาใบเสร็จหลักฐานมาแสดงสิ ปัดโธ่เป็นนักข่าว ทำหนังสือพิมพ์มา 40 ปี เกือบทุกแห่งมี “ค่าบริหารจัดการความเสี่ยง” จากบรรดาคนทำมาหากินกลางคืนทุกตรอกซอกซอย

เวลารัฐบาลแถลงผลงาน เศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้นทุกอย่าง มันดียังไงวะ สนจ. ล่ะงง ดัชนีชี้วัดพื้นฐานบ้านๆของ สนจ. คือร้านขายผลไม้สดและร้านลาบเพิงหมาแหงนหน้าบ้านเคยปิดร้านเที่ยงคืน กลับบ้านตีสอง ตั้งแต่มีรัฐประหารเป็นต้นมาปิดเร็วขึ้นเรื่อยๆจนวันนี้สี่ทุ่มเผ่นแล้ว ขนาดศุกร์สิ้นเดือนยังนั่งมองหน้ากันตาปริบๆ ทั้งเจ้าของร้าน คนตำบักหุ่ง และเด็กเสิร์ฟ ที่เคยซื้อหิ้วกลับไปกินก็ถูกทอนลงอย่างชัดเจน แต่หนักข้าวเหนียวและขนมจีนแทน จากกับข้าว 4 อย่าง เหลือ 2 จาก 5 เหลือ 3

นี่ไม่ต้องไปสำรวจโพลไหน เห็นตำหูตำตาอยู่ทุกวัน บางวันเจ้าของร้านต้องแซวแบบว่า “ป๋าช่วยนั่งกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ หนูให้กินฟรี”

เพราะฉะนั้นกว่าจะเปลี่ยนผ่านกันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คุณสุชาติคงมีรายการ “กวาดให้เกลี้ยง” แบบใครมีคดีที่มีแนวโน้มว่าติดก็คงติดนั่นแหละ ส่วนที่ไม่ติดน่าจะรอดก็อาจมียื้อมีดึงให้คาไว้ นัยว่าอยากติดไหม ถ้าไม่อยากก็อยู่เฉยๆ กับอีกประเภทคือ คาเรื่องไว้เพื่อขู่ ถ้าพวกเอ็งขยับ กูก็จะเขยื้อนคดี…ฮา

ลองดูว่าถัดจากหมอเลี้ยบ สนธิแล้ว ใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ส่วนเจ๊ปูนี่ สนจ. เปิดราคาเลยว่า ไม่ติด แต่อยากให้หนี ถ้าไม่หนีก็ยื้อไว้เรื่อยๆให้ขยับลำบาก แต่ถ้าจะเล่นกันแบบปิดประตูทุบปู วันไหนเจ๊ปูเดินเข้าคุก แทง 1 ได้แสนเลยว่าได้ “โนเบลไพรซ์ สาขาสันติภาพ” ยิ่งกว่าไก่แช่เหล้าเล่งหงษ์

การเมืองระหว่างประเทศเขาเล่นกัน “สองหน้า” ทั้งนั้น มีแต่เพ่ไทยนี่แหละทำตัวไร้เดียงสา แทงเต็งตลอด ทั้งๆที่รู้ว่าแทงไปแล้วเจ้ามือมีแต่กินกับกินอย่างเดียว

ก็รอดูกันว่าเขาจะเคลียร์หน้าเสื่อ แล้วปูผ้าปูโต๊ะ จัดแก้วน้ำ ช้อน จาน ถ้วย ผ้าเช็ดปากกันอย่างไร โต๊ะตัวเดิม จะมีกี่เก้าอี้ที่ได้ “ร่วมโต๊ะ” วิทดาวน์ ดินเนอร์…ฮา


You must be logged in to post a comment Login