วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บูมเมอแรง?

On September 20, 2016

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เรื่องฝาย “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” ที่เป็นประเด็นดราม่าในโลกออนไลน์พักใหญ่ ข่าวว่า นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อาจจะเปิดปากพูดชี้แจงในวันนี้ (20 ก.ย.)

ก่อนหน้านี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเปิดหน้า ไม่เปิดหน้า (ทำตัวเป็นแหล่งข่าว) ออกมาชี้แจงแทนอยู่หลายราย จับใจความได้ว่า

ฝายที่เป็นข่าวเกิดจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่ การก่อสร้างไม่ได้ใช้งบประมาณมากมาย เพราะใช้วัสดุในพื้นที่ และใช้แรงงานจากทหารกับชาวบ้านช่วยกันทำ

ชื่อฝาย “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” เป็นเรื่องที่ประชาชนในพื้นที่คิดกันขึ้นมาเอง นางผ่องพรรณกับทหารไม่เกี่ยว

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าที่เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมาเพราะมีคนนำภาพไปเผยแพร่เพื่อหวังบิดเบือนให้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง เรื่องนางผ่องพรรณเป็นภริยาของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.

โดยชี้เป้าว่าคนที่ทำเรื่องนี้คือพวกที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้ายภายในกองทัพ คนที่ไม่พอใจปลัดกระทรวงกลาโหมและไม่ชอบนางผ่องพรรณ

สรุปคือนางผ่องพรรณและกองทัพไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับเรื่องชื่อฝายที่สร้างโดยงบประมาณของกองทัพ แม้จะเป็นงบประมาณเพียงเล็กน้อยตามคำบอกเล่าก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่คนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ตั้งคำถามไว้คือ การใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อฝายทั้งที่ใช้งบประมาณกองทัพก่อสร้าง แม้ไม่เกี่ยวข้องแต่ทำไมไม่ทักท้วงเมื่อเห็นความไม่เหมาะสม ทำไมต้องรอให้เป็นประเด็นก่อนจึงค่อยยกเลิกชื่อฝ่าย “แม่ผ่องพรรณพัฒนา”

ความจริงเรื่องชื่อฝาย“แม่ผ่องพรรณพัฒนา”เป็นเรื่องหนึ่งที่ประชาชนเห็นแล้วไม่พอใจ ตั้งคำถามถึงความเหมาะสม

แต่เรื่องที่เป็นประเด็นมากกว่าน่าจะเป็นภาพการต้อนรับ การเดินทางไปเป็นประธานเปิดฝายของนางผ่องพรรณมากกว่าที่ทำให้เป็นประเด็นดราม่าขึ้น

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวคงไม่ได้หยุดแค่เป็นประเด็นดราม่าในสังคม เมื่อ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ท.ศิริพงษ์ วงศ์ขันตี เจ้ากรมการพลังงานทหาร และ พล.ต.พิสิทธิ์ สิงหราไชย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ สังกัดศูนย์การปฏิบัติการป้องกันประเทศและพลังงานทหาร

ข้อกล่าวหาคือเข้าข่ายทุจริตต่อตำแหน่งหรือหน้าที่ ตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับนางผ่องพรรณ ในการเดินทางไปเป็นประธานสร้างฝายชะลอน้ำ ที่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 59 โดยตั้งชื่อฝายว่า “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” มีการแจกแท็งก์น้ำ พร้อมขึ้นป้ายไวนิลมีรูปหน้าของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม เนื่องจากนางผ่องพรรณไม่ได้เป็นข้าราชการในกระทรวงกลาโหม แต่การการสร้างฝายใช้ทหารมาช่วยจำนวนมาก การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ยังใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินของทางราชการ

ในยุคปฏิรูป หัวหน้าคสช.ได้พูดมาตลอดถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่นักการเมืองทำ ดังนั้นยุคนี้ไม่ควรให้มีพฤติกรรมเหมือนที่กล่าวหานักการเมือง ใช้ทรัพย์สินของทางราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

ต้องรอดูว่าป.ป.ช.จะให้คำตอบเรื่องนี้อย่างไร (แม้หลายคนบอกว่าไม่ต้องรอลุ้นให้เมื่อย)

เห็นเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงกฎหมาย 7 ชั่วโคตรที่รัฐบาลคสช.จะออกมาบังคับใช้ ที่ต่อไปข้าราชการ นักการเมือง จะเอาซองตราครุฑไปใส่เงินช่วยงานศพ งานแต่ง งานบวชไม่ได้ จะเอาโทรศัพท์มาเสียบปลั๊กชาร์จไฟที่สำนักงานก็ไม่ได้ เพราะถือว่าใช้ทรัพย์สินหลวงไปในทางเอื้อประโยชน์ส่วนตัว

แต่นี่นั่งเครื่องบินหลวงไปเปิดฝาย

ช่างเป็นประเด็นท้าทายมาตรฐานจริยธรรม คุณธรรม ที่รัฐบาลคสช.จะขีดเส้นใช้บังคับกับนักการเมือง ข้าราชการจริงๆ


You must be logged in to post a comment Login