วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568

กรรมสนองโกง(ส่องไฟแต่เขา อิเหนาเป็นเอง) / โดย ทีมข่าวการเมือง

On September 26, 2016

คอลัมน์ : เรื่องจากปก
ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง

ในที่สุด “ดราม่าเผือกร้อน” กรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีก็จบลง เมื่อนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมลงนามคำสั่งให้นำเงินชดเชยใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนตามคำสั่งทางปกครองขายข้าวแบบจีทูจีประมาณ 6.2 ล้านตัน ซึ่งหนังสือคำสั่งทางปกครองเป็นการ “ลงนามคู่” โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในฐานะได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในฐานะได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

คำสั่งทางปกครองดังกล่าวจะถูกส่งไปถึงนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 คน เพื่อให้ตอบกลับภายใน 30 วัน หากครบ 30 วันแล้วยังไม่ตอบกลับ จะส่งหนังสือแจ้งเตือนอีก 15 วัน ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดี

นักการเมืองและข้าราชการที่ถูกเรียกค่าเสียหายประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 1,770 ล้านบาท นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วนอดีตข้าราชการ 4 คนประกอบด้วย พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 4,000 ล้านบาท นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท รวมค่าเสียหายเป็นเงิน 20,070 ล้านบาท

ผู้ถูกเรียกชดใช้เงินทั้ง 6 คน มีสิทธิยื่นต่อศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกคำสั่ง หรือหากศาลสั่งทุเลากระบวนการต่างๆก็จะหยุดเพื่อรอคำตัดสินของศาล หากศาลสั่งไม่ทุเลา กระบวนการเรียกค่าชดใช้จะต้องเดินหน้าไปตามขั้นตอน

โยนกันวุ่น “ไม่กลัว..แต่ไม่กล้า”

คดีนี้เกิดขึ้นสมัยนายบุญทรงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ทำการขายข้าวแบบจีทูจีให้กับรัฐบาลจีน แต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดว่าไม่ได้มีการขายข้าวแบบจีทูจีจริง

โดยก่อนจะมีการลงนามคำสั่งทางปกครองก็เกิดปัญหาเมื่อนางอภิรดีไม่ยอมลงนามเมื่อวันศุกร์ที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งที่ได้รับมอบอำนาจจากนายกรัฐมนตรีในการลงนามหนังสือบังคับทางปกครองแทน แต่กลับจะมอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามแทนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีคำสั่งถึงปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการ ให้เหตุผลที่สะดุ้งไปทั้ง “เรือแป๊ะ” ว่า

“พี่ไม่ใช่นักการเมือง แต่มาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่มีความเชี่ยวชาญและทำงานอย่างตรงไปตรงมา เรื่องนี้ต้องลงรายละเอียดเยอะและเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องใช้เวลาในการทำงานให้รอบคอบ ไม่ตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งและลงโทษใคร ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้าและเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามที่นายกฯได้มอบหมายมา”

ขณะที่ น.ส.ชุติมาซึ่งถูกมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ลงนามแทนก็บอกว่า จะลงนาม แต่รัฐมนตรีต้องทำหนังสือมอบอำนาจมาให้ก่อนจึงจะลงนามแทนได้ เมื่อรัฐมนตรีไม่ลงนาม ปลัดกระทรวงก็ไม่ลงนาม

เมื่อดราม่าโยน “เผือกร้อน” กันไปมา ทั้งอ้างว่าพร้อมจะทำตามกฎหมาย และทำท่าว่าหวยจะออกไปที่ว่าที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ที่จะรับตำแหน่งวันที่ 1 ตุลาคมคือ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่ง น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ก็พูดชัดเจนว่า หากจะต้องลงนามก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดก่อน เพราะการลงนามหมายถึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ตนไม่รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น จึงไม่สามารถลงนามได้ทันที

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์โยน “เผือกร้อน” กลับไปนิ่มๆว่า “เชื่อว่าปลัดชุติมาซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก คิดว่าท่านคงต้องทำให้เสร็จ ไม่ทิ้งเรื่องไว้แน่ เพราะท่านมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะดำเนินการให้เสร็จ”

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวกับคนใกล้ชิดว่า หากหลังเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์มีการบังคับให้ลงนามเรียกค่าเสียหายข้าวจีทูจีก็อาจจะลาออก สุดท้ายหวยจึงไปออกที่การลงนามคู่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบัน

ง่ายแต่ไม่หมู

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 ไม่ใช่ใช้คำสั่งมาตรา 44 เพื่อยึดทรัพย์ แต่ให้กรมบังคับคดีที่มีความชำนาญเป็นผู้ดำเนินการในการยึดทรัพย์ แต่ก็พูดชัดเจนว่าจะเร่งคดีนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนหมดอายุความคือเดือนกุมภาพันธ์ 2560

การใช้มาตรา 44 ในคำสั่งทางปกครองถูกตั้งคำถามว่ามีความถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังเลี่ยงที่จะตอบเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถาม ขณะที่นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวกรณีที่นายบุญทรงระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินว่า การเรียกค่าเสียหายกับการดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาฯเป็นการดำเนินการคนละส่วนกัน การเรียกค่าเสียหายเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 สามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้ ในอดีตเคยมีลักษณะนี้ ส่วนผู้ที่ถูกเรียกค่าเสียหายจะต่อสู้อย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า การเรียกค่าเสียหายครั้งนี้ไม่ง่าย และไม่รู้ว่าจะถึงกรมบังคับคดีเมื่อไร เพราะข้าราชการมีสิทธิร้องศาลปกครอง ซึ่งปัจจุบันคดีอุทธรณ์เกี่ยวกับข้าราชการทุกกระทรวงมีเต็มไปหมด ใครแพ้ชนะก็ว่ากันที่ศาลปกครอง พอจบแล้วกรมบังคับคดีจึงจะเข้าไปดำเนินการได้ตามคำสั่งศาล

ดังนั้น การใช้มาตรา 44 กับนายบุญทรงและพวก จึงเชื่อว่าจะถูกนำไปใช้กับคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย ซึ่งนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ในฐานะผู้รับผิดชอบเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้เรื่องยังไม่ถึงตน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง และยังไม่มีการสรุปตัวเลขขาดทุนที่แน่ชัด เมื่อคณะกรรมการพิจารณาเสร็จจึงจะส่งมาที่ตนเพื่อลงนามร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก่อนจะส่งให้กรมบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ต่อไปตามขั้นตอน

ส่วนจะเกิดกรณีดึงเรื่องไม่ยอมลงนามเหมือนกระทรวงพาณิชย์หรือไม่นั้น นายอภิศักดิ์กล่าวสั้นๆว่า “ไม่รู้ๆๆ ต้องดูก่อน”

จะฟ้องกลับทุกคนทุกศาล

การใช้มาตรา 44 กรณีโครงการรับจำนำข้าว แม้จะเป็นคำสั่งทางปกครอง แต่ก็คือการใช้อำนาจจากการรัฐประหาร ซึ่งขัดกับหลักนิติรัฐตามกระบวนการยุติธรรมปรกติ โดยนายบุญทรงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค (19 กันยายน) ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และถือเป็นความผิดปรกติในการออกคำสั่งมาตรา 44 ให้ชดใช้ค่าเสียหายและยึดทรัพย์ เพราะคดีนี้ถูกฟ้องร้องที่ศาลฎีกาฯ และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แต่กลับมีความเร่งรีบรวบรัดให้มีการเตรียมการยึดทรัพย์ แทนที่จะให้ความเป็นธรรมโดยนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อให้ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่กลับใช้อำนาจพิเศษที่มาจากการรัฐประหารซึ่งไม่สง่างาม

ส่วนค่าเสียหายที่จะใช้คำสั่งเพื่อยึดทรัพย์นั้น นายบุญทรงเห็นว่า ตัวเลขความเสียหายไม่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินจำนวนเท่าไร เพราะคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น จึงเป็นการลัดขั้นตอน ทั้งผู้ที่ลงชื่อในคำสั่งบังคับทางปกครองก็มีพิรุธที่ต่างหลีกเลี่ยงจะลงนาม หรือเกรงกลัวว่าจะเป็นเหมือนข้าราชการคนก่อนๆที่กระทำตามหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาลแต่กลับถูกดำเนินคดีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตนยืนยันว่าคำสั่งโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“ขอยืนยันว่าจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะถึงที่สุด แม้ว่าจะต้องไปต่อสู้กันในศาลกี่ศาลก็ตาม หากไม่เช่นนั้นก็อย่าไปมีกฎหมายอะไรให้มากเรื่อง ใช้มาตรา 44 บริหารและปกครองบ้านเมืองนี้ไปเสียเลย”

นายบุญทรงยืนยันว่า จะฟ้องกลับทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามสิทธิที่จะทำได้ เพราะการนำมาตรา 44 มาใช้ทั้งที่มีกฎหมายดำเนินการได้ตามขั้นตอนถือเป็นการลัดขั้นตอนเร่งรัดให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.เรียกให้ชดใช้ความผิดทางละเมิดในระดับรัฐมนตรีกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามเท่านั้น ซึ่งนายกฯต้องชี้แจงในชั้นศาลด้วย

นายบุญทรงกล่าวว่า คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกฟ้องความผิดตามมาตรา 157 ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริต ไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกัน เพราะจะไม่เป็นธรรมกับอดีตนายกฯ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายปกครอง โดยไม่มีการฟังคำชี้แจงใดๆและมีการใช้สำนวนของ ป.ป.ช. มาเป็นหลักในการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งเป็นการใช้สำนวนเดียวกับคดีอาญาที่ยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของศาลฎีกาฯขณะนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล ทั้งยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นในการระบายข้าว กรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญา มีการระบุตัวเลขและได้รับการชำระเงินครบถ้วนสมบูรณ์ มั่นใจว่าทำไปโดยบริสุทธิ์และโปร่งใส

เลือกปฏิบัติผิดกติการะหว่างประเทศ

ก่อนหน้านี้ (18 กันยายน) นายนพดล หลาวทอง ทนายความอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 ไม่ถูกต้องและเป็นธรรม อาทิ รวบรัด หลีกเลี่ยงไม่ใช้กระบวนการพิจารณาโดยศาลยุติธรรมปรกติ แต่ตัดตอนใช้วิธีคำสั่งทางปกครองให้รับผิดทันทีแทนการฟ้องคดีต่อศาล ทั้งยังเป็นการชี้นำการพิจารณาคดีอาญาซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลและคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งที่ยังพิจารณาคดีไม่เสร็จสิ้น

นอกจากนี้ยังเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งต้องพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดโดยเสมอกันหรือเสมอภาคโดยกระบวนการยุติธรรมทางศาล จะเลือกปฏิบัติบางรายผ่านศาล บางรายไม่ผ่านศาลไม่ได้ การออกคำสั่งที่ 56/2559 ไม่มีความจำเป็น เป็นการข้ามขั้นตอนและเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้มีการกำหนดแนวทางการใช้มาตรการบังคับทางปกครองอยู่แล้ว

ส่วนอำนาจหน้าที่ของกรมบังคับคดีก็มีบัญญัติไว้โดยกฎหมายอย่างชัดเจนแล้วว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีในสังกัดของกรมบังคับคดีมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินการในฐานะเจ้าพนักงานของศาล เพื่อดำเนินการบังคับคดีตามคำสั่งของศาลยุติธรรม การออกคำสั่งนี้มีลักษณะเป็นการก้าวล่วงและก้าวก่ายไปใช้อำนาจหน้าที่ของกรมบังคับคดีที่เป็นอำนาจสั่งการของศาลยุติธรรม จึงไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

ปิดบัญชีไม่ถูกต้องกล่าวหาทุจริตไม่ได้

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ให้พิจารณาการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 ว่าเป็นการกระทำโดยสุจริตและชอบหรือไม่ อาจทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับการคุ้มครองถ้าทำโดยสุจริต แต่จากรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในเว็บไซต์กรมการค้าภายใน มีข้อความบ่งบอกถึงความรับผิดทางละเมิดทางแพ่งที่พุ่งเป้าไปที่นายบุญทรงและอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ทั้งตั้งข้อสังเกตให้สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เร่งเรียกค่าเสียหายทางละเมิด โดยเอกชนมีอายุความ 1 ปี ขณะที่ของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์และนายบุญทรงจะหมดอายุความในเดือนกุมภาพันธ์ 2560

ในบันทึกการประชุมมีหลายส่วนบ่งบอกการเรียกชดใช้ค่าเสียหายทั้งที่ไม่น่าจะกระทำได้ เพราะการปิดบัญชีตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 175/2557, 176/2557, 177/2557 ต้องทำอย่างสมบูรณ์ แต่การปิดบัญชีวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 กับวันที่ 30 กันยายน 2557 มีตัวเลขไม่สอดคล้องกับบันทึกการประชุม ครม. และรายงาน นบข. ซึ่งเป็นการปิดบัญชีที่ไม่ถูกต้อง

“การปิดบัญชีต้องมาจากการทำบัญชี หัวหน้า คสช. ต้องตั้งคณะจัดทำบัญชีขึ้นมา แต่ยังไม่มีการจัดทำ เพราะหมายเหตุประกอบงบการเงินของอนุปิดบัญชีระบุไว้เองว่าไม่มีการจัดทำบัญชีตัวเลข ที่ใช้มาตลอดเวลาเป็นตัวเลขที่ให้ อคส. และ อ.ต.ก. ส่งตัวเลขเข้ามา ขณะที่การตรวจนับสินค้าก็เป็นเพียงการสุ่มตรวจ มีรายงานตัวเลขที่ไม่ตรงกันอีก ทั้งการปิดบัญชี 2 ครั้ง เขียนไว้ชัดเจนว่ายังไม่ผ่านการตรวจสอบและสอบทาน จึงไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีการรับรองโดย สตง. เมื่อตัวเลขบัญชียังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์จะนำมูลเหตุอะไรมาตั้งเป็นค่าเสียหายหรือกล่าวหาว่าทุจริตไม่ได้”

นายเรืองไกรกล่าวว่า การเร่งพิจารณาโดยไม่คำนึงถึงความยุติธรรมที่ถือเป็นสาระสำคัญของคดีเหมือนฝ่ายบริหารโยนเผือกร้อนไปให้ข้าราชการ หากจะทำให้เกิดความเหมาะสม นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ควรเป็นผู้ลงนามคำสั่งเองจะเหมาะสมที่สุด ถ้ามั่นใจว่าตัวเลขบัญชีในคดีมีความถูกต้อง

“ปราบโกง”อย่าลืมส่องไฟคนใกล้ชิด

การเร่งรัดปิดคดีโครงการรับจำนำข้าวทั้งกรณีจีทูจีหรือคดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ แม้รัฐบาลจะมีมาตรา 44 ที่เหมือนดาบอาญาสิทธิ์ แต่การใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและนิติธรรมก็มีแต่ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลและ คสช. เสียหาย แม้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่ได้มาจากการยึดอำนาจโดยใช้กำลังทหารจะถือว่าเป็นกฎหมาย เพราะฝ่ายตุลาการของไทยยอมรับการรัฐประหาร แต่ประชาคมโลกไม่ยอมรับ เช่นเดียวกับการละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ซึ่งผู้นำรัฐบาลทหารก็ตระหนักดีทุกครั้งที่ไปร่วมประชุมในเวทีโลก

แม้การใช้อำนาจมาตรา 44 จะอ้างเพื่อปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน และใช้วาทกรรมปราบโกงที่ตีฆ้องร้องป่าวเป็น “วาระแห่งชาติ” อย่างการจัดกิจกรรม “กรรมสนองโกง” จัดงาน “เปิดไฟส่องไฟส่องโกง” อย่างยิ่งใหญ่กลางเมือง ซึ่งมีทั้งผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพ ข้าราชการ กลุ่มธุรกิจและคนชั้นกลางที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นคนดีเหนือกว่าคนอื่น ก็ถูกตั้งคำถามว่าเป็นการจ้องปราบโกงเฉพาะฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือไม่

ผู้มีอำนาจและกองเชียร์รัฐประหารแบบไม่ลืมหูลืมตาเคยย้อนดูตัวเองและคนรอบข้างว่าเป็นคนดีจริง ดีแท้จริงบ้างหรือไม่ เพราะตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ภาพที่ออกมาชัดเจนคือ ฝ่ายที่ถูกไล่ล่าและถูกปราบปราม ไม่ว่าจะเป็นข้อหาทุจริตคอร์รัปชันหรือความมั่นคงต่างๆ เกือบทั้งหมดจะคืบหน้าเฉพาะอีกฝ่ายเท่านั้น หรือแท้จริงแล้วท่านไม่ได้เกลียดโกง แต่เกลียดฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

การใช้มาตรา 44 ที่เป็นอำนาจพิเศษจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ผนวกกับการชงเรื่องโดยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มาจากผลไม้พิษจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงไม่ต่างกับการใช้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อจัดการกับอดีตนายกฯทักษิณและพวก ไม่ว่าจะเป็นการยึดทรัพย์อดีตนายกฯทักษิณกว่า 70,000 ล้านบาทก็ไม่ใช่เพราะความผิดการทุจริตคอร์รัปชัน หรือแม้แต่การตัดสินจำคุก 2 ปีกรณีที่ดินรัชดาฯ กลับไม่มีเรื่องทำให้รัฐเสียหาย ไม่มีข้อหาทุจริต จนกลายเป็นคำถามว่าการทำรัฐประหารครั้งนั้นทำเพียงเพื่อโค่นรัฐบาลทักษิณเท่านั้นหรือไม่ หากการยึดทรัพย์มีเป้าหมายเพื่อมุ่งทำลายล้างแหล่งทุนฝ่ายตรงข้าม หรือมีวาระซ่อนเร้น แทนที่จะเป็นการยุติปัญหาโดยกฎหมายโดยสุจริต กลับกลายเป็นการนำกฎหมายที่เกิดจากการยึดอำนาจมาใช้ ก็จะยิ่งทำลายความชอบธรรมของคณะรัฐประหารมากขึ้นหรือไม่ แม้อาจจะมองว่าเป็นการหารายได้เข้ารัฐตามกฎหมาย แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจถูกมองว่า “นี่คือการปล้นกลางแดดดีๆนี่เอง”

2 ปีของ คสช. หลังยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และการใช้มาตรา 44 ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงไม่ต่างกับสมัย คมช. ตั้ง คตส. เพื่อโค่นรัฐบาลทักษิณ โดยอ้างวาทกรรมปราบโกง เช่นเดียวกับคดีโครงการรับจำนำข้าวขณะนี้ก็มีคำถามว่า หากการทำตามนโยบายของรัฐบาลเป็นความผิดเพราะทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่มีกำไร หากใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกรัฐบาล รวมถึงรัฐบาล คสช. ก็เชื่อได้ว่าทุกรัฐบาลต้องมีความผิดทั้งสิ้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกนโยบายของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จทั้งหมด หรือต้องมีกำไร อีกทั้งนโยบายที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนนั้นก็คือการให้สวัสดิการเพื่อให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก พ้นจากทุกข์จากหนี้สินเป็นสำคัญ ผลประโยชน์ระยะยาวที่จะเกิดขึ้นจึงวัดกันสั้นๆไม่ได้

ถ้าหากมองทุกนโยบายว่าทำให้เกิดความเสียหาย การจัดซื้ออาวุธของกองทัพซึ่งแต่ละครั้งเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาทและสูงมากกว่ารัฐบาลปรกติเสมอหลังการยึดอำนาจ ก็ย่อมมีสิทธิถูกตั้งคำถามว่าจะใช้เพื่อไปทำกำไรอะไรบ้าง หรือทำให้เศรษฐกิจมั่นคงและประชาชนอยู่กินดีจริงหรือไม่ ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวที่ถูกกล่าวหาว่าสร้างความเสียหายกับบ้านเมืองอย่างมหาศาล เงินถึงมือชาวนาจริงหรือไม่ ถ้ามีการโกงจริง ทำไมไม่ตรวจสอบว่าอยู่ในขั้นตอนใดและใครโกง เพราะการตรวจสอบเส้นทางการเงินผ่าน ธ.ก.ส. เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากว่าเงินทั้งหมดตกไปถึงมือชาวนาจริงหรือไม่

อย่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

การใช้อำนาจแบบรวบรัดซึ่งผิดทั้งนิติรัฐและนิติธรรม ผิดทั้งกติการะหว่างประเทศ จนหนีไม่พ้นข้อครหาเดิมๆของการทำรัฐประหารคือ เพียงเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากด้วยวาทกรรมปราบโกง (ฝ่ายตรงข้ามฝ่ายเดียว) ใช้วาทกรรมสร้างความเกลียดชังเพื่อให้เห็นว่าการใช้อำนาจเลือกจับ เลือกปฏิบัติ เป็นความชอบธรรม โดยไม่มองตัวเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะคนใกล้ชิดและใกล้ตัวว่ามีพฤติกรรมอย่างไรนั้น เหมาะสมแล้วหรือไม่

ทำไมการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพที่เป็นข่าวอื้อฉาวจึงเงียบหายไป ไม่ว่าจะเป็นเรือเหาะที่เหาะไม่ได้ ไม้ล้างป่าช้า GT200 ซึ่งคนหลอกขายติดคุกแล้ว แต่การสอบสวนหาข้อเท็จจริงเหมือนถูกแช่แข็ง กรณีโครงการขุดลอกคูคลองขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกมูลค่านับพันล้านบาทที่มีหลักฐานไม่ชอบมาพากลมากมาย หรือโครงการอุทยานราชภักดิ์ก็ยังเป็นปัญหาค้างคาใจเรื่องราคากลางและการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นงบประมาณแผ่นดินที่ยังไม่กล้าเปิดเผยต่อสาธารณะ

แม้แต่กรณี “บิ๊กมีสี” นำเงินกองทัพไปฝากในบัญชีภรรยาทำไมจึงไม่ผิด รวมถึงเรื่องฝายชะลอน้ำที่กำลังเป็นข่าว ซึ่งไม่ใช่เรื่องการตั้งชื่อฝาย แต่เป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินถูกต้องหรือไม่ รวมถึงกรณีลูกชาย “บิ๊กมีสี” กวาดรับเหมาโครงการต่างๆของกองทัพ ก็มีคำถามถึงขั้นตอนการประกวดราคาว่า ไม่มีการใช้อำนาจและอิทธิพลใดแทรกแซง หรือบีบบังคับจริงหรือไม่

วาทกรรมปราบโกงจึงไม่ใช่แค่การสร้างกระแสให้คนไทยเกลียดโกงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่ต้องเกลียดการโกงทุกฝ่ายและปราบทุกฝ่ายที่โกง ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด อีกฝ่ายทำอะไรก็ไม่ผิด หรือผิดชัดๆก็ตะแบงว่าไม่ผิดเพราะไม่มีเจตนา หรือเกิดน้ำท่วมใหญ่แล้วเอกสารหายอย่างปริศนาเฉพาะฝ่ายนั้นฝ่ายนี้เท่านั้น

“รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญคือ คนโกงรายเก่าจะต้องหมดไป คนโกงรายใหม่จะต้องไม่เกิด และไม่เปิดโอกาสให้มีการโกงในทุกวงการ”

นั่นคือคำประกาศกร้าวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่กล่าวไว้ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติคืนวันที่ 9 กันยายน ก่อนไปร่วมกิจกรรม “กรรมสนองโกง” วันที่ 11 กันยายน ที่ท้องสนามหลวง เชิญชวนให้ประชาชนร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ส่องไฟขึ้นฟ้าเพื่อขับไล่คนโกงให้หมดไปจากแผ่นดินไทย”

คงจะดีไม่น้อยหากส่องไฟไล่โกงอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง และจะดีที่สุดหากส่องไฟกลับมายังคนใกล้ชิดตนเองด้วย อย่าให้ใครมาพูดได้ว่าเที่ยวไป “ส่องไฟแต่เขา อิเหนาเป็นเอง”


You must be logged in to post a comment Login

Казино левлучший портал для азартных игроков
Игровые автоматызахватывающая игра начинается сейчас
azino777испытай удачу прямо здесь
1win казинооткрой для себя мир азартных игр
Вулкан платинумавтоматы с высокой отдачей ждут тебя
Казино левгде выигрыши становятся реальностью
Игровые автоматыразвлекайся и выигрывай каждый день
азино три топоранаслаждайся адреналином от побед
Казино 1winкаждая игра — шаг к успеху
Вулкан россиятвой шанс на большой выигрыш
Казино левоснова азартного мастерства
Игровые автоматытоповые игры для каждого
Azino777только для настоящих ценителей риска
1win казинокайф от игры начинается здесь
Вулкан 24где каждый день приносит победы
Казино левновые высоты азартных эмоций
Игровые автоматыгде выигрыши реальны
азино три топорасамые горячие игры ждут
Казино 1winвыигрывайте с комфортом
Казино вулкан россияисследуй мир азартных автоматов
Казино левтвой источник азарта и выигрышей
Игровые автоматыискусство выигрыша ждет тебя
azino777почувствуй азарт и драйв
1win казиноидеальный выбор для азартных игр
Вулкан платинумиграй и побеждай с удовольствием
Казино левнаслаждайся азартом без границ
Игровые автоматылучшие призы ждут тебя
азино три топоратвоя игра начинается здесь
Казино 1winновые уровни азарта и удачи
Вулкан россияначни путь к победе прямо сейчас
Coco chat - Rejoignez nouvelles discussions enrichissantes sur Bed and Bamboo
Chatrandom - Discover exciting chats with new people on Bed and Bamboo
Chatrandom - Entdecke spannenUnterhaltungauf Bed and Bamboo
Chatrandom - Ontdek boeienchats op Bed and Bamboo
Coco chat - Partagez des moments uniques sur Hoodrich France
Chatrandom - Connect and chat on Hoodrich France
Chatrandom - Chatte mit der Hoodrich France Community
Chatrandom - Geniet van chats in Hoodrich France gemeenschap
Coco chat - Connectez-vous pour des échanges passionnants sur I’m Famous 51
Chatrandom - Meet and chat on I’m Famous 51
Chatrandom - Führe spannenGespräche auf I’m Famous 51
Chatrandom - Beleef gesprekkop I’m Famous 51
Coco chat - Discutez avec la communauté Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Explore vibrant conversations at Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Tritt spannendChats bei Quincaillerie Outillage Thollot bei
Chatrandom - Ga mee in boeiengesprekkbij Quincaillerie Outillage Thollot
Coco chat - Rejoignez TurboSystem pour discuter
Chatrandom - Engage in exciting chats at TurboSystem
Chatrandom - Genieße spannenChats bei TurboSystem
Chatrandom - Beleef chatplezier bij TurboSystem