วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วิบากกรรม! / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On September 29, 2016

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

เมืองไทยคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วลงไปอย่างสบายๆ ไม่มีวิบากกรรมไล่ตามหลัง หรือมีวิบากกรรมก็ไม่หนัก อย่าง 2 ท่านนี้คือ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ค่อนข้างจะได้รับวิบากกรรมหนักทั้งคู่ จึงต้องมาเผชิญหน้ากัน

อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ต้องเผชิญมรสุมต่างๆ โดยเฉพาะคดีโครงการจำนำข้าวที่ถูกกระทรวงการคลังให้ต้องชดเชยเงินค่าเสียหายถึง 35,000 ล้านบาท ยังไม่รวมคดีอื่นๆที่จะตามมาอีก

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ แม้ผลสำรวจโพลหลายสำนักอยากจะให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย หลังการเลือกตั้งปี 2560 แต่สถานการณ์ของท่านนายกฯ เวลานี้ก็ถูกมรสุมวิบากกรรมโถมใส่ไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งที่ท่านไม่ได้ก่อ แต่เกิดจากพฤติกรรมของคนตระกูลท่านเอง ส่งผลให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ทั้งเรื่องน้องสะใภ้กรณีฝายแม่ผ่องพรรณ หรือหลานชายที่ตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างในกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งกำลังมีการตรวจสอบอยู่ ขนาดท่านนายกฯ ต้องเอ่ยปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าเรื่องของหลานชายที่เป็นลูกของน้องชายคือ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็ให้สอบไป เขาก็รับผิดชอบของเขาเอง มันคนละเรื่อง คนละคนกับตน แต่ก็ยอมรับว่ามีความห่วงใย เพราะเป็นน้อง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้ ชี้แจงส่งเดชไม่ได้ หากผิดก็ผิด

เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์และท่านพล.อ.ประยุทธ์ อาจเรียกว่าอีกฝ่ายจะยื่นกรรม อีกฝ่ายจะรับกรรม แต่ก็กลัวว่ากรรมจะสนองกลับไปทั้งคู่เหมือนกัน

อย่างเรื่องเรียกค่าเสียหาย ที่มีข่าวว่าข้าราชการทั้งคนใหม่และคนเก่าก็กระอักกระอ่วนที่จะเซ็น เวลานี้จึงเป็นว่าจังหวะใครมาทำก็ต้องรับไป จะเป็นเรื่องกรรมสนองโกงหรือไม่ก็ต้องดูกันไป ทั้งข้าราชการและนักการเมือง จะด้วยความจำเป็น หรือด้วยความอยาก ก็ล้วนแต่กรรมลากพาไป ทำให้เกิดทุกข์ที่เรียกว่า “ทุกขลาภ” คือ ได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ก็ต้องมีถูกนินทาว่าร้ายต่างๆนานาเป็นธรรมดา

กรรมเก่า กรรมใหม่ ซัดถาโถมเข้ามา น้ำท่วมไปตั้งหลายปีแล้ว ยังมาโถมใส่ท่วมทับ มีคดีถึง 15 คดี แล้วจะทำอย่างไรถึงจะพ้นกรรม อาตมาก็ตอบว่า ถ้าควบคุม “ผัสสะ” ให้ดี ถ้าอะไรมากระทบก็ให้มันกระทบพบผ่าน อย่าให้มันกระเทือนเลื่อนลั่นรำคาญใจ อะไรจะเกิดให้เกิด พอได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังก็บอกมันกระทบแล้ว ผัสสะแล้ว ระวัง อย่ารัก อย่าชัง อย่าวูบวาบ อย่าหวั่นไหวไปกับมัน

ผัสสะเป็นตัวคุมกรรมให้อยู่เหนือกรรม ถ้าเราไม่อยู่ใต้กรรมเกินไป หรือกรรมจะซัดมาใส่เท่าไร ตั้งท่ารับคุม ผัสสะให้ดี เพราะทุกข์สุขก็อยู่ที่ผัสสะนี่แหละ เขาจะโยน จะตัดสิน ได้ยินแล้ว ก็ต้องบริกรรมภาวนาตามหลักของพระพุทธศาสนาว่า รู้แล้ว ได้ยินแล้ว ระวังอย่ารัก อย่าชัง อย่าวูบวาบ เขาจะให้โทษให้ทุกข์ก็รับอย่างรู้เท่ารู้ทัน อย่าไหวหวั่นไปจนเกินเหตุ กรรมก็จะบรรเทาเบาลง

ส่วนไปไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญ ทำทาน ก็คงบรรเทาเบาลงได้บ้างหรอก แต่ทั้งหมดต้องฝึกควบคุมผัสสะ พอศาลตัดสิน พอคดีเรื่องใดโผล่ขึ้นมาก็รับได้ โถมเข้ามาก็ตั้งรับได้ กระทบก็อย่าให้มันกระเทือนเลื่อนลั่น ให้รู้ว่าเรารู้ทันมันน่ะ อะไรที่จะมากระทบกับเราก็ตั้งรับให้ดี เขาโยนใส่มายังไง มันก็คงไม่หล่นทับเท้า ทับจิตทับใจ ถ้าตั้งท่ารับดี

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login