วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไอเอฟเอส ชูระบบอีอาร์พี หนุนไทยแลนด์ 4.0

On October 4, 2016

นายศรีดาราน อรูมูแกม รองประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   บริษัท ไอเอฟเอส ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กรชั้นนำระดับโลก จากประเทศสวีเดน  กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2559 ว่า ใน      ไตรมาสที่สี่ของปีนี้บริษัท ไอเอฟเอสจะมุ่งลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยคาดว่า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ทราสฟอร์เมชั่นมากที่สุดในประเทศไทย   เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทั้งนี้อุตสาหกรรมควรเตรียมความพร้อมสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0  โดยบริษัทฯ จะเข้าไปช่วยปรับปรุง และเสริมประสิทธิภาพด้วยการนำระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร หรืออีอาร์พี ที่ครอบคลุมการใช้งานอย่างครบวงจร และที่สำคัญมีความคล่องตัวในการใช้งานผ่านเดสก์ทอป แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน นอกจากนั้นยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงแนวโน้มและเชื่อมโยงกับระบบคลาวด์ ซึ่งสามารถดูข้อมูลแบบเรียล ไทม์ ด้วยโซลูชั่นของอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือไอโอที

ไอดีซี คาดการณ์ว่าจุดติดตั้งอุปกรณ์ปลายทางของไอโอที (IoT) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 13,000 ล้านชุดในปลายปี 2559 จนถึง 30,000 ล้านชุดในปี 2563 และอุตสาหกรรมที่ไอดีซี คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายงบประมาณไปกับโซลูชันไอโอที (IoT) มากที่สุด คืออุตสาหกรรมด้านการผลิต การขนส่ง พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงร้านค้าปลีกที่มีรูปแบบการใช้งาน ไอโอที (IoT) อย่างครอบคลุม

“เรากำลังก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0  คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต มาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า  จะเป็นการบูรณาการโลกของการผลิตเข้ากับการเชื่อมต่อทางเครือข่ายในรูปแบบ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือ ไอโอที ( Internet of Things (IoT)) ทุกหน่วยของระบบการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบ เครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์หน่วยต่างๆ เหล่านี้จะถูกติดตั้งระบบเครือข่ายเพื่อให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันอย่างอิสระเพื่อการจัดการกระบวนการผลิตทั้งหมดจะสามารถผลิตของหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันตามความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละรายเป็นจำนวนมากในเวลาพริบตาเดียว โดยใช้กระบวนการผลิตที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลครบวงจร แบบสมาร์ท แฟคตอรี่”

นอกจากกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าอื่นๆ  อาทิ อุตสาหกรรมด้านอากาศยาน  และยุทโธปกรณ์การรบ (Aerospace & Defense)  อุตสาหกรรมการให้บริการ (service provider)    อุตสาหกรรมด้านยานยนต์     ค้าปลีก การจัดการสินทรัพย์   อุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค    อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ    และการก่อสร้าง โดยไอเอฟเอส มีแผนขยายพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญโซลูชั่นสำหรับลูกค้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ และการขยายตลาดในประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา  ทั้งนี้คาดว่า บริษัท ไอเอฟเอสในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโต 10%  ในปี 2559

ตลาดอีอาร์พีในประเทศไทยนั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไทยกำลังผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เศรษฐกิจอยู่บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และนวตกรรม ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง   โดยการ์ทเนอร์ได้คาดการณ์การเติบโตของตลาดอีอาร์พีในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโตที่ 14.91 %   ระหว่างปี 2559 – 2563

นายศรีดาราน กล่าวต่อไปว่า สำหรับกลุ่มการบินและอากาศยาน  เป็นตลาดหลักของบริษัท ไอเอฟเอส ทั่วโลก  โดยในเดือนตุลาคมนี้ ทางบริษัทฯ     ได้เข้าร่วมงาน แอร์ไลน์ แอนด์ แอโรสเปซ  เอ็มอาร์โอ แอนด์ ไฟลท์ โอเปอเรชั่นส์ ไอที คอนเฟอเรนซ์  (Airline & Aerospace MRO & Flight Operations IT Conference)  ที่จัดขึ้นโดยแอร์คาฟท์ คอมเมิร์ซ ( Aircraft Commerce)  ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  ซึ่งเป็นงานประชุมระดับโลกด้านไอทีของกลุ่มการบินและอากาศยานเพียงงานเดียว ที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้านไอทีและการบริหารจัดการและการซ่อมบำรุงด้านการบิน

สำหรับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของไอเอฟเอฟในประเทศไทย  ประกอบด้วย  อุตสาหกรรมการผลิต     อุตสาหกรรมด้านอากาศยาน  และยุทโธปกรณ์การรบ (Aerospace & Defense)  อุตสาหกรรมการให้บริการ (service provider)    อุตสาหกรรมด้านยานยนต์     ค้าปลีก การจัดการสินทรัพย์   อุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค    อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ    และการก่อสร้าง


You must be logged in to post a comment Login