วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ช้อยเก็บฉาก!

On October 11, 2016

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

มติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างเป็นทางการกรณีตีตกข้อกล่าวหา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม น่าสนใจ

น่าสนใจเพราะในข้อกล่าวหาที่ยื่นให้ป.ป.ช.สอบเอาผิดประกอบด้วย

1.แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการกรณีบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้นทะเบียนกองประจำการ และแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมิชอบ

2.มีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากราชการโดยมิชอบ

3.คณะกรรมการพิจารณาดำเนินการ ได้สอบสวนกรณีการบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้น
ทะเบียนกองประจำการ และแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมิชอบ

แต่งตั้งกรรมการสอบโดยมิชอบ สอบโดยมิชอบ และปลดออกจากราชการทหารโดยมิชอบ

ผลจากการไต่สวนเรื่องนี้ ป.ป.ช.พบข้อเท็จจริงว่าช่วงก่อนที่ พล.อ.อ.สุกำพล จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีผู้ร้องเรียนเพื่อขอให้ถอดยศของนายอภิสิทธิ์ และเรียกคืนเงินเดือนและเบี้ยหวัด

ต่อมาเมื่อ พล.อ.อ.สุกำพล เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น ซึ่งผลการสอบสวนสรุปได้ว่าเอกสารต้นขั้วใบสำคัญ (แบบ สด.9) ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 แบบ สด.1 และ แบบ สด.27 ฉบับจริง ทั้ง 3 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกันว่า นายอภิสิทธิ์ เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2552 แต่ในการขึ้นทะเบียนทหาร กองประจำการ ได้ใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) (แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย) ลงวันที่ 8 เมษายน 2531 ไม่ใช่ฉบับลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 ในการขึ้นทะเบียน จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ทำให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ เพื่อดำเนินการต่อไป

การเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการดังกล่าว ได้มีการหารือข้อกฎหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว การเสนอแต่งตั้งได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนการปฏิบัติราชการและผ่านสายการบังคับบัญชาตามปรกติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม 2551 การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

การดำเนินการของคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามคำสั่งแต่งตั้ง โดยมีการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของเอกสาร มีการนำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณา มีการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีการให้สิทธิ์นายอภิสิทธิ์ ได้เข้าชี้แจงข้อมูลต่อคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ หากไม่สามารถมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯได้ ก็สามารถยื่นเป็นเอกสารหลักฐานได้ และไม่มีการคัดค้านบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯแต่อย่างใด ซึ่งไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยไม่ชอบแต่อย่างใด

โดยขณะนั้น นายอภิสิทธิ์ ยังเป็นนายทหารนอกราชการ สังกัดจังหวัดทหารบกกรุงเทพ ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 875/2552 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2552 จึงเป็นนายทหารประเภทที่ 5 ตามข้อบังคับทหารฯ และสามารถถูกดำเนินการทางวินัยและถูกปลดออกจากราชการได้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.2476 มาตรา 5 และตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502 ข้อ 4 (2) ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ ได้กระทำผิดวินัยทหารร้ายแรง ขณะอยู่ในราชการ จึงเสนอให้สมควรปลดออกจากราชการ และในการเสนอคำสั่งปลดออกจากราชการ ก็เป็นไปตามขั้นตอนโดยผ่านผู้บังคับบัญชาตามสายงานปรกติ ประกอบกับศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา ในประเด็นดังกล่าวแล้วว่าคำสั่งที่ให้ปลดออกจากราชการเป็นคำสั่งโดยชอบแล้ว

จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าพล.อ.อ.สุกำพล ได้เข้ามาสั่งการ แทรกแซง หรือเร่งรัดดำเนินการในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ แต่อย่างใด

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ การสอบสวนของคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ และการมีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

มติของป.ป.ช.ครั้งนี้กระทบต่อนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน

จากมติของป.ป.ช.จะเห็นว่าช่องทางที่นายอภิสิทธิ์ใช้ต่อสู้ว่าถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้อง ทั้งศาลแพ่งและป.ป.ช.ชี้แล้วว่าถูกต้อง

ถ้าจำไม่ผิดคงเหลือแต่ศาลปกครองที่ยังไม่ได้ตัดสินเรื่องนี้ออกมา

แต่แค่นี้อนาคตทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ก็น่าจะจบแล้ว หากยึดจริยธรรม คุณธรรม อย่างที่ปากว่าเอาไว้จริง

เมื่อเป็นอย่างนี้สถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์จึงน่าสนใจขึ้นมาทันที


You must be logged in to post a comment Login