วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ในหลวงของคนไทยทุกคน / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

On October 20, 2016

คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป
ผู้เขียน : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

ครอบครัวของผมคงมีสภาพไม่ต่างกับครอบครัวคนไทยทั่วประเทศและทั่วโลกที่อยู่ในสภาวะเศร้าโศกเสียใจกับการสวรรคตของในหลวง ผ่านมาถึงวันที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ผมก็ยังเห็นคุณแม่ของผมร้องไห้อยู่ ท่านจะนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์เกือบทั้งวันเพื่อดูสารคดีประวัติและพระราชกรณียกิจของในหลวงที่แต่ละช่องนำเสนอ ระหว่างนั่งดูท่านก็จะเล่าความประทับใจและความผูกพันระหว่างคนไทยกับในหลวงให้เจ้าตัวเล็กๆของผมฟังไปด้วย คุยไปเล่าไปสักพักเดี๋ยวก็ร้องไห้ เป็นอย่างนี้วันละหลายหนจนหลานๆสงสัยว่าทำไมคุณย่าถึงร้องไห้ไม่เลิก

ผมนั่งฟังคุณย่าอธิบายเหตุผลให้หลานๆฟังด้วยความซาบซึ้งจนอดไม่ได้ที่ตัวเองจะมีน้ำตาคลอเบ้าตามไปด้วย คุณย่าบอกกับหลานๆว่า ที่ร้องไห้เพราะย่าคิดถึงในหลวง พอคิดว่าพระองค์ท่านไม่อยู่กับพวกเราแล้วก็ใจหายและเศร้าใจทุกครั้ง ย่าจำได้ว่าตั้งแต่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด เหน็ดเหนื่อยมากมายเพียงไหนก็ตามก็ไม่เคยเห็นพระองค์ท่านย่อท้อ และที่สำคัญย่าไม่เคยเห็นพระองค์ท่านทำอะไรเพื่อตัวท่านเองเลย เห็นแต่เรื่องที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนคนไทยเท่านั้น

ผมยังจำได้ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเล็กๆ ครอบครัวของผมอาศัยอยู่ในซอยร่วมใจ (สุขุมวิท 15) สมัยนั้นถนนสุขุมวิทถือเป็นเส้นทางหลักเส้นหนึ่งในไม่กี่เส้นของกรุงเทพมหานคร เมื่อไรก็ตามที่ทราบว่าจะมีขบวนเสด็จของพระองค์ท่านผ่านมา สมาชิกในครอบครัวเราตั้งแต่อายุมากที่สุดคือคุณยายของเราไล่ไปจนถึงเด็กเล็กๆอย่างพวกผมก็จะชักชวนกันเดินออกมาเพื่อไปรอรับขบวนเสด็จ นอกจากครอบครัวเราแล้วยังมีครอบครัวอื่นๆที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นต่างออกมารับเสด็จกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทุกเพศทุกวัย

พวกเราจะนั่งรอกันอย่างสงบเสงี่ยมบริเวณริมถนน ระหว่างนั้นก็จะตั้งวงสนทนาคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ขบวนเสด็จมาถึง ขณะที่รถนำขบวนหรือที่พวกเราเรียกว่ารถหวอเปิดไฟแวบๆใกล้เข้ามา หัวใจน้อยๆของพวกเราจะเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น เพราะเราจะมีโอกาสได้เห็นในหลวงของเรา แม้ว่าระยะทางจะไกลและความเร็วของรถพระที่นั่งก็เร็วอยู่ไม่น้อย แต่แวบเดียวที่ผ่านไปนั้นก็มีความหมายกับพวกเรามากที่สุด เพราะนั่นคือ ในหลวงของเรา ในหลวงของคนไทยทุกคน

คำถามที่ถามว่าทำไมคนไทยถึงรักพระมหากษัตริย์ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ตอบได้ง่ายที่สุด เพราะความรักที่เรามีให้กับพระองค์ท่านนั้นเกิดจากคุณงามความดีและจริยวัตรอันประเสริฐ ไม่ว่าพระองค์ท่านจะเดินทางไปที่ไหนก็ตามก็จะนำเอาความเจริญจากเรื่องต่างๆที่ศึกษา รวมถึงวิทยาการและความรู้ใหม่ๆลงไปดูแลรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกใกล้ชิดและมั่นใจว่าสามารถพึ่งพาพระมหากษัตริย์ได้อย่างสนิทใจเหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกัน

ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องมีรูปของในหลวงและพระราชินีอยู่ในบ้านไว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแน่นอน เราไม่ได้กราบไหว้พระองค์ท่านทั้งสองเหมือนกับการกราบบูชาพระพุทธรูป แต่เรากราบไหว้และบูชาเหมือนเราให้ความเคารพต่อบุพการีและผู้มีพระคุณอันประเสริฐ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ พ่อแม่ของแผ่นดินของเรานั่นเอง

เมื่อผมโตขึ้นและเลือกอาชีพที่จะเป็นทหารรับใช้ชาติ ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพราะทำให้ผมได้มีโอกาสเป็นทหารของพระราชาและมีโอกาสทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทในฐานะทหารรักษาพระองค์ เพราะภายหลังจากที่ผมสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารและเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรืออากาศในปี 2525 นั้น เป็นปีแรกที่กรมนักเรียนนายเรืออากาศของพวกเราได้รับพระราชทานธงไชยเฉลิมพลจากในหลวง และได้รับการยกระดับจากกรมทหารธรรมดาให้เป็นกรมทหารรักษาพระองค์

ตลอดระยะเวลา 5 ปีในการศึกษาที่โรงเรียนนายเรืออากาศ ผมมีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของกรมนักเรียนฯในการสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ หรือที่เรียกว่าการสวนสนามราชวัลลภถึง 3 ปี การสวนสนามดังกล่าวไม่เหมือนการสวนสนามในวาระอื่นๆ เพราะมีแต่การสวนสนามราชวัลลภเท่านั้นที่กำลังพลของกรมผสมทุกๆกองพันจะได้มีโอกาสสวนสนามต่อหน้าพระพักตร์ของในหลวง และได้เปล่งเสียงปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดีกับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของทหารทุกคนในฐานะของนายทหารรักษาพระองค์อย่างหาที่สุดไม่ได้

หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนนายเรืออากาศ ผมและเพื่อนๆทั้ง 3 เหล่าทัพที่จบการศึกษาในปีนั้นได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงในการเสด็จเป็นองค์ประธานพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรให้กับผู้สำเร็จการศึกษาทุกคน ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนคงจำกันได้ว่า ขณะที่พระองค์ท่านยังมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์นั้น พระองค์ท่านจะเสด็จเป็นองค์ประธานพระราชทานปริญญาบัตรให้กับผู้จบการศึกษาจากสถาบันระดับอุดมศึกษาต่างๆเป็นจำนวนมากทุกๆปี ถือเป็นความภาคภูมิใจของลูกๆทุกคนที่พ่อของแผ่นดินได้เสียสละเวลาและเสด็จมาเป็นองค์ประธานเองทุกครั้งถ้าทำได้

แค่เรื่องพระองค์ท่านเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาอย่างเดียวก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่ในความเป็นจริงพระราชกรณียกิจต่างๆของพระองค์ท่านยังมีอีกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งคนไทยทุกคนล้วนแล้วแต่ได้ประโยชน์ไม่ว่าทางตรงก็ทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพระราชดำริที่ทรงคิดขึ้นมาเพื่อพสกนิกรชาวไทย เช่น โครงการด้านชลประทานต่างๆ โครงการฝนหลวง โครงการแก้มลิง โครงการพัฒนาลุ่มน้ำต่างๆ โครงการเกี่ยวกับป่าซึ่งเป็นโครงการของศูนย์การศึกษาและพัฒนาในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ โครงการเกี่ยวกับดิน และโครงการเกี่ยวกับด้านวิศวกรรม หรือแม้แต่โครงการที่ช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร เช่น โครงการทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี เป็นต้น

ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่ในหลวงทรงลงมือทำและพระราชทานให้กับพวกเราทุกคน ดังนั้น ผมจึงยังมีเรื่องอีกมากมายที่จะเล่าอย่างไม่มีวันรู้จบให้ลูกๆทั้ง 6 คนของผมได้ฟังว่า “พ่อโชคดีเพียงไหนที่ได้เกิดมาในแผ่นดินของในหลวง” และผมเชื่อว่าพ่อแม่และผู้ปกครองอื่นๆก็มีเรื่องเล่าที่ไม่มีวันจบแบบนี้ให้ลูกหลานของเราทุกคนฟังตลอดไปเช่นกัน

“ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์ น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาทด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้”

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ และครอบครัว


You must be logged in to post a comment Login