วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘พ่อหลวง’กับชาวไทยภูเขา / โดย ณ สันมหาพล

On October 24, 2016

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

บ้านเดิมของผู้เขียนอยู่ริมถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เล็กมีโอกาสเห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จผ่าน เห็นแล้วก็สนใจเรียนรู้และติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือพสกนิกรโครงการพระราชดำริต่างๆ และถ้ามีโอกาสก็จะเดินทางไปศึกษาโดยไม่ลังเล

หนึ่งในพระราชกรณียกิจที่ผู้เขียนเห็นว่าสุดยอดก็คือ โครงการหลวงปลูกพืชทดแทนฝิ่น ที่เริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2510 เพื่อให้ชาวไทยภูเขาเลิกปลูกฝิ่น ซึ่งขณะนั้นพื้นที่ภูเขาของไทยร้อนระอุไปด้วยการก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ใต้ ตะวันตก หรือตะวันออกเฉียงเหนือ แม้เมื่อผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นหมดยุคไป แต่ยังมีอิทธิพลไม่น้อย เพราะได้รับการฝึกทางทหารและการใช้อาวุธ

นอกจากนี้ยังมีชาวไทยภูเขาที่มีถิ่นอาศัยในภาคเหนือตอนบนจนถึงภาคตะวันตกตอนกลาง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นกองกำลังของประเทศเพื่อนบ้านที่สู้รบกับฝ่ายรัฐบาล ปัญหาการสู้รบทั้งภายนอกและภายในที่เกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ รวมถึงหลายพื้นที่ในภาคเหนือตอนบนมีการแทรกซึมของกลุ่มติดอาวุธเพื่อปลุกระดมให้เป็นพรรคพวกและจับอาวุธ พร้อมๆกับการใช้พื้นที่ปลูกฝิ่นเพื่อนำมาเป็นรายได้โดยชาวไทยภูเขาและผู้อพยพที่เป็นชาวเขาเผ่าต่างๆ จนเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกฝิ่นและผลิตยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เรียกว่าพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ

การปลุกปั่นให้เป็นปรปักษ์กับเจ้าหน้าที่รัฐนั้นเป็นไปไม่ยาก เพราะโดยธรรมชาติแล้วชาวเขาต่างก็ไม่ชอบเจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว เนื่องจากถูกข่มเหงรังแก รวมทั้งรีดไถต่างๆนานา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงสนพระทัยที่จะแก้ปัญหาการปลูกฝิ่นและทำให้พื้นที่มีความสงบ จึงเป็นที่มาของโครงการหลวงช่วยชาวไทยภูเขาให้เลิกปลูกฝิ่นที่เลื่องลือไปทั่วโลก เพราะไทยเป็นประเทศเดียวที่ทำให้เลิกปลูกฝิ่นได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และนำไปเป็นแบบอย่างทั่วโลก

มีเรื่องเล่ามากมายของพระองค์ท่าน อย่างเช่นเสด็จฯไปเสวยน้ำจัณฑ์กับหัวหน้าชาวไทยภูเขา โดยมีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงร่วมเดินทาง ซึ่งขณะนั้นหม่อมเจ้าภีศเดชเพิ่งเกษียณจากบริษัทเอกชน มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด

ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป บรรดาชาวไทยภูเขาทุกพื้นที่ต่างก็รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจและเข้ามาศึกษา เมื่อนำไปปฏิบัติตามและประสบความสำเร็จ การปลูกฝิ่นก็ค่อยๆลดลงและเลิกไปในที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้โครงการต่างๆของภาครัฐมักจะทำแล้วเลิก ไม่จริงจัง หรือมีอุปสรรคต่างๆ ขณะที่ชาวไทยภูขาก็มีปัญหาที่ดินทำกิน

ความสำเร็จสำคัญของการเลิกปลูกฝิ่นคือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแนะนำให้ปลูกพืชเมืองหนาวต่างๆทดแทนการปลูกฝิ่นและมีโครงการหลวงรองรับผลผลิต ซึ่งได้ผลผลิตดีและมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ที่สำคัญคือไม่ผิดกฎหมาย อีกทั้งยังกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนมากมายเดินทางไปชมและจับจ่ายใช้สอย

ความสำเร็จดังกล่าวต้องพูดถึงการศึกษาวิจัย ซึ่งมีทั้งผู้เชี่ยวชาญและอาสาสมัครมาร่วม รวมทั้งหม่อมเจ้าภีศเดชทรงเป็นนักการตลาด ทำให้ผลผลิตของโครงการหลวงเป็นไปได้อย่างดี แม้แต่โรงแรมที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าพักก็จะมีการนำผลผลิตจากชาวไทยภูเขาไปเป็นวัตถุดิบ เพราะมีคุณภาพ สด และปลอดสารพิษ

นอกจากนี้ยังมีการปลูกไม้เมืองหนาวอีกหลายชนิด โดยเฉพาะสตรอว์เบอร์รี่ที่ตอนนี้กำลังขยับขึ้นเป็นสินค้าส่งออกที่มีความต้องการสูง หรือกาแฟชั้นดีที่ถือเป็นผลผลิตที่ดังไปทั่วโลกไม่แพ้หลายประเทศ เห็นได้จากการได้รับรางวัลต่างๆมากมาย จนทำให้กาแฟชั้นดีที่ปลูกบนภูเขาภาคเหนือมีราคาน้องๆทองคำ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปีโครงการหลวงและผลผลิตต่างๆของชาวไทยภูเขาต่างเป็นที่ต้องการของคนทั้งประเทศ จนทำให้มีรายได้ที่มั่นคงและอยู่ดีกินดี

ภาพพื้นที่ที่เคยเต็มไปด้วยการปลูกฝิ่นไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลยในปัจจุบัน บ้านที่เป็นกระต๊อบและหลังคารั่วก็เปลี่ยนเป็นบ้านที่ปลูกอย่างดี แต่ละบ้านติดจานดาวเทียมและแผงโซลาร์เซลล์ หลายบ้านมีรถกระบะและรถเก๋งตรวจการณ์ไว้ใช้

เมื่อด้านวัตถุดี ด้านจิตใจก็ดีตาม ความสุขและความภูมิใจของชาวไทยภูเขาทำให้คนเมืองและคนในที่ราบต่างอิจฉาไม่น้อย ขณะที่ลูกหลานก็มีโอกาสเรียนสูงขึ้นและมีอาชีพต่างๆเลี้ยงตัวเอง

ทั้งหมดมาจากพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ชาวไทยภูเขาทุกคนเรียกว่า “พ่อหลวง”


You must be logged in to post a comment Login