วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ธพว.หนุน SMEs ก้าวสู่ตลาดสากล

On October 27, 2016

นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และในฐานะประธานกรรมการ ธพว. กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่อุตสาหกรรม SMEs 4.0 พร้อมนโยบายของ ธพว.ในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs สู่ตลาดโลก ว่า ได้มีการลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ  (MOU) การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากล โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือ 3 หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา ประกอบด้วย นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ   ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)  นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และ รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ Mr. Jerry Wu, Country Manager of  Alibaba.com Thailand เป็นพยานความร่วมมือในครั้งนี้  ในฐานะเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

สำหรับความร่วมมือการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และไปสู่เวทีระดับสากล ซึ่ง 4 หน่วยงานดังกล่าว มีมาตรการช่วยผลักดันให้ SMEs สามารถดำเนินการธุรกิจไปสู่ตลาดโลกผ่านทาง Alibaba.com ซึ่งเป็นธุรกิจ E-Commerce รายใหญ่ของจีน ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับโลก เนื่องจากมีความหลากหลายของสินค้าทั่วโลก และเป็นแหล่งหาสินค้าอย่างดีสำหรับผู้ซื้อทั่วโลกด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้บทบาทของ 3 หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย ธพว. EXIM BANK และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม   คัดเลือกลูกค้าแต่ละกลุ่ม หรือผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการร่วมบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการให้เข้าสู่ธุรกิจขายส่งระหว่างบริษัท หรือ ที่เรียกว่า B2B ผ่านทาง Alibaba.com โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะมีกลุ่มลูกค้า Spring Up  ขณะที่ EXIM BANK มีกลุ่มลูกค้าด้านส่งออกและนำเข้า  ส่วน ธพว.เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพพร้อมเข้าร่วมโครงการ  ซึ่งทั้งสองธนาคารพร้อมสนับสนุนด้านสินเชื่อและให้บริการทางการเงินต่างๆ แก่ผู้ประกอบการด้วย ส่วนบทบาทของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านผู้ประกอบการและ E-Commerce ที่โดดเด่น  มีเครือข่ายและความร่วมมือที่เข้มแข็งกับ Alibaba.com     จะช่วยอบรมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาบ่มเพาะเชื่อมต่อกับการทำธุรกิจ E-Commerce              ผ่าน  Alibaba.com  ที่ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นพันธมิตร  ระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน  2559

โดยมีลูกค้าที่ผ่านการคัดเลือกจาก ธพว.  และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  10 รายที่มีความหลากหลายโดดเด่นน่าสนใจ   คัดสรรมาจากต่างจังหวัดทั้งหมด  เช่น ธุรกิจประเภทอาหารและเครื่องดื่ม และของใช้ต่าง ๆ  ซึ่งผู้ประกอบการพร้อมเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเทคโนโลยี่ใหม่ๆ
และลูกค้าของ  EXIM BANK จำนวน 10 รายที่มีศักยภาพทางด้านการส่งออกต่อไป

สำหรับ Alibaba.com ที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ของไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่า สถาบันการเงินของรัฐ ธพว.  EXIM BANK  ตลอดจนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่มีแนวนโยบายในการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs อย่างแท้จริง ในการเพิ่มศักยภาพการตลาด เพื่อก้าวสู่ระดับสากล ซึ่งจะมีผู้ประกอบการ SMEs  เป็นจำนวนมากที่มีความหลากหลายของธุรกิจ มีโอกาสเปิดตลาดสู่สากล   โดย Alibaba.com. พร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือผ่านกลไกการอบรมระบบการซื้อขาย  E-Commerce  ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  และพัฒนาความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไป

สำหรับผลประกอบการ ธพว. สิ้นสุดไตรมาส 3/2559 (ณ กันยายน 2559) สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยรวม 26,253 ล้านบาท จำนวน 8,823 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 2.98 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 91,898 ล้านบาท  สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) คงเหลือ 18,983 ล้านบาท (คิดเป็น 20.66% ของสินเชื่อรวม) ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2559 ที่มียอด NPLs เท่ากับ 19,486 ล้านบาท (คิดเป็น 21.66% ของสินเชื่อรวม) หรือ ลดลง 503 ล้านบาท ทั้งนี้ เกิดจากธนาคารได้มีการแก้ไขหนี้ NPLs ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ปิดบัญชี การขายหนี้และการตัดหนี้สูญทางบัญชี เป็นต้น และธนาคารได้อนุมัติในหลักการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 10 ราย รวมวงเงิน 138 ล้านบาท โดยแยกเป็นร่วมลงทุนกองทุนย่อยกองที่ 1  จำนวน 8 ราย วงเงิน 98 ล้านบาท  และกองทุนร่วมลงทุนพันธกิจ SMEs เชิงเกษตรและที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ราย วงเงิน 40 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ขยายสินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการแก้ไขปัญหา NPLs รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่เป็นไปตามแผนงาน ส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคาร มีกำไรสุทธิ ในเดือนกันยายน 2559 เท่ากับ 186 ล้านบาท  และรวมกำไรสุทธิสิ้นสุดไตรมาส 3/2559 เท่ากับ 1,473 ล้านบาท


You must be logged in to post a comment Login