- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ชวนเอกชนลงทุนมอเตอร์เวย์นครปฐม–ชะอำ
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย 8 เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่มีความสำคัญที่จะกลายเป็นประตูสู่พื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้ ซึ่งในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ นั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ เงินลงทุน และการบริหารจัดการอย่างมีประสิ ทธิภาพของภาคเอกชน กระทรวงคมนาคมจึงมีนโยบายในการผลักดันให้โครงการนี้ สามารถเริ่มกระบวนการหาตัวเอกชนผู้ร่วมลงทุนภายในปี 2560 เพื่อให้ทันแผนที่จะเปิดให้บริการใน พ.ศ. 2565 การสัมมนาในวันนี้จะนำไปสู่ ความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐและเอกชนในการนำพาประเทศไทยไปสู่ ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ด้วยการยกระดับการคมนาคมขนส่ งของประเทศให้เจริญก้าวหน้าด้ วยโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่ างประเทศในอนาคต
สำหรับโครงการนี้คาดว่าจะเปิดให้ภาคเอกชนยื่นข้อเสนอประมู ลในรูปแบบ PPP เป็นหนึ่งในเส้ นทางตามแผนระยะเร่งด่วน ที่มีความพร้อมในการดำเนินงานสูง ปัจจุบันได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จทั้งหมด และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA ผ่านความเห็นชอบจาก สผ. แล้ว ขณะนี้กรมทางหลวงอยู่ระหว่ างดำเนินการออก พรฎ. เวนคืนที่ดิน
โครงการมีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 63,998 ล้าน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือกรมทางหลวงจะเป็นผู้ เวนคืนที่ดิน มูลค่ากว่า 9,488 ล้านบาท และให้เอกชนเป็นผู้จัดหาแหล่ งเงินทุน ก่อสร้างโยธาและงานระบบ ดำเนินงานและซ่อมบำรุงรักษาเส้ นทาง รวมถึงการก่อสร้างและบริหารจั ดการที่พักริมทางทั้งหมด มูลค่าประมาณ 54,510 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าเมื่อเปิดให้ บริการในปี พ.ศ. 2565 จะมีปริมาณรถยนต์เฉลี่ยประมาณ 43,673 คัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 122,108 คัน/วันในปี พ.ศ.2594 โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้ อยละ 3.5 ต่อปี
สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม – ชะอำ เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิ เศษระหว่างเมืองหมายเลข 8 นครชัยศรี –นราธิวาส (สุไหงโก-ลก) มีจุดเริ่มต้นเชื่อมกับโครงข่ ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ อ. นครชัยศรี จ.นครปฐม ผ่านไปยัง จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม และสิ้นสุดที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ระยะทางรวมทั้งสิ้น 109 กิโลเมตร ออกแบบเป็นทางหลวงพิเศษขนาด 4 ช่องจราจร มีการควบคุมทางเข้าออกอย่างสมบู รณ์และมีทางบริการในพื้นที่ จำเป็น เพื่อลดผลกระทบของชุมชน มีด่านเก็บค่าผ่านทางด้วยระบบปิ ดทั้งหมด 9 ด่าน และมีการติดตั้งระบบชั่งน้ำหนั กบริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ตลอดแนวเส้นทาง กำหนดให้มีที่พักริมทางทั้งหมด 5 แห่ง แบ่งเป็นศูนย์บริการทางหลวง (Service Center) 1 แห่ง สถานที่บริการทางหลวง (Service Area) 2 แห่ง และสถานที่พักริมทางหลวง (Rest Area) 2 แห่ง
ทั้งนี้ เมื่อโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม-ชะอำ เปิดให้บริการ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณถนนเพชรเกษมซึ่งปัจจุบันเป็ นเส้นทางหลักสายเดียวที่เชื่ อมการเดินทางสู่ภาคใต้ และยังมีส่วนช่วยเชื่อมโยงฐานการผลิตที่สำคัญทั้งภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศ ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านทั้งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และมาเลเซีย เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจชาติให้ยั่งยืน
You must be logged in to post a comment Login