- อย่าไปอินPosted 3 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 22 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ประหารนักการเมือง
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ท่ามกลางฝุ่นควันฟุ้งตลบอบอวลเรื่องราคาข้าว ที่ทำท่าว่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปตามแนวทางที่เคยๆ ทำกันมา ไว้ปีหน้ามีปัญหาก็ค่อยแก้กันใหม่ กลับมีข่าวหนึ่งที่น่าสนใจทะลุกลางปล้องขึ้นมา
ข่าวที่ว่าการให้สัมภาษณ์ของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูก ที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง
ดูเหมือนว่า กรธ.ยังมุ่งใช้ยาแรงกับนักการเมืองและพรรคการเมือง จะด้วยจากความมีอคติกับนักการเมืองว่าเป็นคนชั่ว คนไม่ดี มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์หรืออะไรก็ตาม แต่แนวทางการยกร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับพรรคการเมืองมีความน่าสนใจ
น่าสนใจเพราะ กรธ. กำหนดแนวทางยุบพรรคการเมืองเอาไว้ 3 ข้อคือ
1.เป็นปฏิปักษ์ ใช้อำนาจ หรือรับเงิน ล้มล้างการปกครอง
2.รับเงินจากต่างด้าว
และ 3.รับเงินเพื่อซื้อขายตำแหน่ง
ผู้ที่จะตัดสินยุบพรรคการเมืองคือศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ที่มีอำนาจส่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญคืออัยการสูงสุด โดยกำหนดเงื่อนไขว่าอัยการสูงสุดต้องพิจารณาส่งฟ้องภายใน 30 วันหลังจากมีผู้มายื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคการเมือง หากสั่งฟ้องไม่ทันตามกำหนดให้ผู้ยื่นคำร้องสามารถยื่นฟ้องคดีได้เองโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
อีกทางหนึ่งก็ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบสวนเพื่อยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดเงื่อนไข 3 ข้อได้ แต่กรณีของ กกต.จะไม่กำหนดเวลายื่นฟ้อง
หลักการเกี่ยวกับการยื่นฟ้องไม่ถือว่าใหม่
ที่ใหม่คือบทกำหนดโทษนักการเมืองที่พรรคถูกยุบ จากเดิมที่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคยกพวง ของใหม่จะลงโทษเฉพาะผู้ที่กระทำความผิดเท่านั้น โดยจะเป็นการตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตห้ามมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก
อีกประเด็นที่เพิ่มเข้ามาใหม่และถือว่าเป็นยาแรงคือจะให้มีโทษทางอาญาด้วย โดยโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตในฐานความผิดล้มล้างการปกครอง ซื้อขายตำแหน่ง เพราะถือว่าเป็นการทำลายระบบ
กรณีนี้น่าสนใจตรงเรื่องการตีความ โดยเฉพาะกรณีล้มล้างการปกครองว่าการกระทำเช่นใดจึงถือว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
เราเคยมีบทเรียนมาแล้วจากความขัดแย้งที่ผ่านมา ที่มีการใช้ข้อหาล้มล้างการปกครองฟ้องร้องกันระหว่างพรรคการเมือง เช่น กรณีพรรคเพื่อไทยยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าไม่เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
หาก กรธ.ไม่ต้องการให้นำประเด็นนี้ไปเล่นการเมือง หรือฟ้องมั่วเป็นคดีรกศาล ควรเขียนกฎหมายให้ชัดเจนว่าการกระทำใดถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เช่น การจัดชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้งถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ หรือการจัดชุมนุมเพื่อเปิดทางให้มีการทำรัฐประหารถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่
ส่วนการซื้อขายตำแหน่งที่จะให้มีโทษทางอาญาถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตก็ไม่ควรใช้บังคับเฉพาะนักการเมือง เพราะการซื้อขายตำแหน่งมีอยู่ทุกระดับในวงราชการ ตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับประเทศ จึงควรเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายที่มีโทษในระดับเดียวกันออกมาบังคับใช้กับข้าราชการทุกระดับด้วย
ไม่ว่าจะล้มล้างการปกครองหรือซื้อขายตำแหน่งไม่ได้เกิดขึ้นในวงการเมืองเพียงกลุ่มเดียว แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของหน่วยงานรัฐ
ถ้ามุ่งแต่จะใช้ยาแรงกับฝ่ายการเมืองเพียงฝ่ายเดียวจะเป็นการแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ทำให้ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ต้องการ
You must be logged in to post a comment Login