วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘ทรัมป์’ปาฏิหาริย์มีจริง!

On November 9, 2016

ก่อนการเลือกตั้งผลสำรวจของสื่อและโพลล์เกือบทุกสำนักระบุว่า โอกาสที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐนั้นริบหรี่มาก หนทางเดียวที่ทรัมป์จะได้ชัยชนะคือต้องแย่งชิงคณะผู้เลือกตั้งในรัฐสนามรบที่ ฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนิยมมาให้ได้ ได้แก่ Nevada (6 เสียง) Florida (29 เสียง) North Carolina (15 เสียง) แต่ ทรัมป์ ก็ยังไม่พอ ทรัมป์ต้องได้เสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) จากรัฐที่จะเลือก ฮิลลารี อีกอย่างน้อย 5 เสียง เพื่อให้ได้เสียงทั้งหมด 270 เสียง ซึ่งถือป็นตัวเลขมหัศจรรย์และต้องมีปาฏิหาริย์เท่านั้น

ผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐต้องมี 270 เสียงจาก 538 เสียงของคณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งวันสุดท้ายก่อนการลงคะแนนเสียง 9 พฤศจิกายน สำนักข่าว CNN ประเมินว่า ฮิลลารี จะมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งในมือถึง 268 เสียง ขณะที่ทรัมป์ มีเพียง 204 เสียง ฮิลลารีจึงขาดเพียง 2 เสียงเท่านั้น ขณะที่ทรัมป์ต้องกวาดคะแนนทุกเสียงในรัฐสนามรบหรือ Battleground States ซึ่งยากอย่างยิ่ง

การเลือกตั้งของสหรัฐเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ซึ่งค่อนข้างซับซ้อน โดยประชาชนจะเลือกผู้แทนหรือคณะผู้เลือกตั้ง และคณะผู้เลือกตั้งจะเลือกประธานาธิบดีอีกทีหนึ่ง ผู้เลือกตั้งจึงไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีโดยตรง

ผู้ชนะที่ได้เป็นประธานาธิบดีจึงอาจไม่ใช่ผู้ที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชน (Popular Vote) เสมอไป แต่ต้องเป็นผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากคณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีกว่า 17 ครั้ง มีผู้ชนะไม่ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน อย่างครั้งล่าสุดคือการเลือกตั้งปี 2000 จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ชนะ อัล กอร์

ปาฏิหาริย์ของ “ทรัมป์” อยู่ที่รัฐที่มีคะแนนเสียงกวัดแกว่งไม่แน่นอน ซึ่งกวาดมาได้เกือบทั้งหมด ทั้งยังเป็นชัยชนะแบบขาดลอย ทำให้เกิดปฏิกิริยาไปทั่วโลก และมีคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลัง “ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ ซึ่งหนีไม่พ้นการหาเสียงที่ทรัมป์ประกาศว่า Today we make America great again!”

1.ผู้อพยพผิดกฎหมายและมีประวัติอาชญากรรมจะถูกส่งกลับประเทศ โดยคนที่ทำผิดกฎหมายและเคยก่ออาชญากรรมต้องได้รับบทลงโทษ ซึ่งประเมินว่ามีผู้อพยพที่เข้าข่ายประมาณ 168,000 คน แต่ทรัมป์บอกว่ามีถึง 2 ล้านคน โดยรวมความผิดลหุโทษ เช่น ขับรถเกินความเร็วเอาไว้ด้วย

2.กำแพงกั้นชายแดนระหว่างเม็กซิโกและอเมริกาที่มีช่องโหว่ 75 ไมล์ โดยทรัมป์ประกาศจะสร้าง กำแพงที่ออกแบบอย่างสวยงาม แม้รัฐที่มีพรมแดนติดกับเม็กซิโกจะไม่เห็นด้วย  ที่สำคัญทรัมป์ประกาศชัดเจนว่าฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงนี้คือเม็กซิโก ไม่ใช่สหรัฐ

3.อเมริกาต้องมาก่อน ทรัมป์เคยประกาศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมว่า ถ้าชนะการเลือกตั้ง สัญญาต่างๆที่สหรัฐมีต่อกลุ่มสมาชิกนาโต้โดนโจมตีก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป และจะช่วยเหลือเฉพาะกรณีที่ประเทศสมาชิกทำตามพันธสัญญาที่ให้ไว้กับสหรัฐเท่านั้น  ทั้งยังอาจถอนกำลังทหารออกจากยุโรปและเอเชีย ถ้าประเทศพันธมิตรไม่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสหรัฐ

4.อเมริกาจะรวยขึ้น แต่โลกจะร้อนต่อไป ทรัมป์อาจยกเลิกการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับสหประชาชาติ เพื่อสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่จะนำเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศแทน ทั้งมีแผนจะยกเลิกกฎเกณฑ์และข้อบังคับบางอย่างเพื่อทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐขยายตัวได้มากขึ้น ซึ่งนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมต่างวิตกอย่างมาก

5.ค่าเงินดอลลาร์จะลดลง นักลงทุนคาดว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลง เพราะเห็นว่าทรัมป์เป็นผู้นำที่สุดโต่ง ขาดประสบการณ์และคาดเดาทิศทางในการตัดสินใจได้ยาก ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐแน่นอน

นี่คือการคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นจากชัยชนะของทรัมป์ แต่นโยบายที่สุดโต่งก็อาจเป็นแค่หนังตัวอย่างที่ไม่เป็นจริงก็ได้ เพราะทรัมป์ไม่ได้เป็นแค่ผู้นำสหรัฐ แต่ยังถือเป็นผู้นำของโลกอีกด้วย การตัดสินใจอะไรจึงไม่ง่ายอย่างที่หาเสียง


You must be logged in to post a comment Login