วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘อาฟเตอร์ช็อก’ของทรัมป์

On November 10, 2016

ชัยชนะช็อกโลกของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 45 มีแรงสั่นสะเทือนตามมา รับรู้ได้ทั่วโลกหลายกรณีด้วยกัน

การคว้าชัยของตัวแทนพรรครีพับลิกัน วัย 70 ปี เหนือนางฮิลลารี คลินตัน แห่งพรรคเดโมแครต ครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะพลิกล็อกมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐยุคใหม่

ส่งผลให้เกิด ‘อาฟเตอร์ช็อก’ เขย่าโลกค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นส่วนใหญ่ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงถึง 5.4% เกาหลีใต้ดิ่ง 2.3% ฮ่องกงร่วง 2.2% และสิงคโปร์ร่วง 1.08%

นักลงทุนในประเทศเอเชียมองว่า การเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐของทรัมป์ จะทำให้สถานการณ์ของโลกเกิดความไม่แน่นอนหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ตลาดการเงิน ด้านความมั่นคง และนโยบายต่างประเทศ

ประเทศพันธมิตรสำคัญของสหรัฐในเอเชียอย่าง เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ค่อนข้างกังวลกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

เนื่องจากทรัมป์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า จะถอนทหารออกจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่น อีกทั้งจะปล่อยให้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เอง หากไม่ยอมช่วยค่าใช้จ่ายที่สหรัฐต้องแบกภาระเพียงลำพังทั้ง 2 กรณี

นอกจากนั้น ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐยังประณามการทำสัญญาการค้าเสรีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ ว่าเป็นสัญญาที่ไม่ยุติธรรมกับบริษัทและคนงานอเมริกัน

สะท้อนถึงแนวโน้มที่ทรัมป์จะฉีกสัญญาการค้าเสรีกับเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับสัญญาข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา

จีนมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจหนักเช่นกัน โดยทรัมป์โจมตีจีนว่าแย่งตำแหน่งงานไปจากชาวอเมริกัน อีกทั้งให้คำมั่นระหว่างหาเสียงว่า จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 45% ป้องกันสินค้าทะลักเข้าประเทศ

ทั้งหมดที่เอ่ยถึง เป็นเพียงแนวโน้มบางส่วนที่จะเกิดขึ้น ยังมีนโยบายของทรัมป์อีกหลายอย่างที่ต้องติดตามต่อไป

ทรัมป์กำหนดเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐแทนประธานาธิบดีบารัค โอบามา อย่างเป็นทางการ วันที่ 20 มกราคม ปีหน้า โดยมีวาระอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี

สำหรับอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้น เป็นเพียงแรงสั่นสะเทือนครั้งแรกหลังทรัมป์คว้าชัย ดูสถานการณ์แล้ว ยังจะมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก


You must be logged in to post a comment Login