วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Cyber Warfare / โดย ลอย ลมบน

On November 14, 2016

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง
ผู้เขียน : ลอย ลมบน

สังคมไทยมีประเด็นให้ดราม่าไม่เว้นแต่ละวัน หมดเรื่องนั้นก็มีเรื่องใหม่มาให้พูดถึงไม่ขาดปาก

ท่ามกลางเรื่องดราม่ามีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยหากทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างที่เป็นอยู่

เรื่องที่ว่าเป็นผลมาจากการเปิดศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก

ศูนย์นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ดูแลภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานพัฒนากองทัพบกให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหน่วยอื่น อีกทั้งเป็นการปกป้องหน่วยงาน โดยเฉพาะการถูกแฮคเกอร์ต่างๆแทรกแซง

นอกจากนี้ยังยอมรับด้วยว่าการก่อเกิดของศูนย์ไซเบอร์กองทัพบกมาจากความเป็นห่วงการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับความมั่นคง โดยเป็นลักษณะการประชาสัมพันธ์ของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นมีการนำไปสื่อสารกันต่อโดยขาดข้อเท็จจริง

สรุปให้เข้าใจง่ายๆคือ ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบกมีภารกิจติดตามตอบโต้ข่าวสารที่เห็นว่าบิดเบือนจากฝ่ายตรงข้าม โดยละไว้ในฐานที่เข้าใจถึงความหมายของคำว่า “ฝ่ายตรงข้าม” ว่าประกอบด้วยฝ่ายใดบ้าง

ย้อนไปก่อนที่กองทัพบกจะทำพิธีเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway และเครือข่ายพันธมิตรได้ออกมาแฉความเคลื่อนไหวของคนใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งที่มักโพสต์ข้อความสร้างความแตกแยกเกลียดชังในหมู่ประชาชนอยู่เป็นประจำ โดยระบุว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้โพสต์ข้อความสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนถูกใช้อยู่ในหน่วยงานหนึ่งของกองทัพ

อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรื่องจะเงียบหายไป

ความเคลื่อนไหวล่าสุด กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway และพันธมิตรออกแถลงการณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเตือนให้กองทัพหยุดคุกคามเสรีภาพประชาชนในโลกออนไลน์โดยทันที

เนื้อหาของแถลงการณ์ระบุว่า

วันนี้ ขณะที่ประชาชนจำนวนมากได้เข้าร่วมปฏิบัติการ “สั่งสอนลุงฤทธี” ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปฏิบัติการในวันนี้ เพราะพวกเรา Thailand F5 Cyber Army มีปฏิบัติการสำคัญอื่นที่ซ้อนปฏิบัติการอยู่ในเวลาเดียวกัน

โดยพวกเราได้เข้าไปในระบบปฏิบัติการของกองทัพที่เรียกว่า E-Army การที่พวกเราสามารถเข้าถึงชั้นข้อมูลระดับปฏิบัติการของกองทัพคงสามารถบ่งบอกอะไรให้กับทางกองทัพได้ดีว่า นี่คือการแจ้งเตือนไปยังกองทัพว่าศูนย์ไซเบอร์สงครามและระบบ E-Army ของกองทัพนั้นยังคงอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ เพราะไม่สามารถปกป้องข้อมูลที่เป็นหัวใจของกองทัพเอาไว้ได้ ดังนั้น อย่าไปทำอะไรนอกเหนือหน้าที่ที่กองทัพควรทำเลย จึงขอให้กองทัพหยุดการคุกคามเสรีภาพของประชาชนในโลกออนไลน์ในทุกๆทางตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เนื่องจากยังคงเป็นการแจ้งเตือนแบบตรงไปตรงมา เพราะพวกเราไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความวุ่นวายขึ้น พวกเราจึงไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับฐานข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ หากพวกเราซุกซนเกินขีดจำกัด โดยไปเปลี่ยนแปลงวันเดือนปีเกิด เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอายุของนายทหารสัญญาบัตร หรือกระทั่งลบข้อมูลทิ้งไป อะไรจะเกิดขึ้นกับระบบปฏิบัติการต่างๆของกองทัพ

นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างจากหลายๆระดับปฏิบัติการที่พวกเราสามารถทำได้ ดังนั้น ขอให้กองทัพหยุดคุกคามเสรีภาพของการสื่อสารของประชาชนโดยทันที

พวกเราเตือนคุณแล้ว แล้วเจอกัน!

นี่เป็นคำแถลงการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า “สงครามไซเบอร์” ระหว่างกองทัพกับประชาชนกลุ่มหนึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว

คำยืนยันของเรื่องนี้คือ มีการเปิดเผยข้อมูลว่าสามารถแฮคเข้าไปที่อีเมล์ของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่ง พล.ท.สรรเสริญก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าอีเมล์ที่กลุ่มดังกล่าวนำมาเปิดเผยนั้นไม่ใช่ของตัวเอง เพียงแต่ชี้แจงว่าเป็นอีเมล์ที่แทบไม่เคยใช้งานหรือใช้รับส่งข้อมูล สื่อออนไลน์ที่ใช้อยู่มีเพียงไลน์อย่างเดียว

โฆษกรัฐบาลยืนยันด้วยว่ารัฐบาลบอกสังคมมาโดยตลอดว่าจะไม่รุกล้ำข้อมูลความเป็นส่วนตัวของใคร แต่กลุ่มนี้เจตนาบ่งบอกชัดเจนว่าคิดอย่างไร พร้อมเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมที่สงบสุข

ถ้าฟังจากน้ำเสียงของโฆษกรัฐบาลก็คงมองเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway และพันธมิตรที่รัฐบาลไม่อยากตอแยด้วย เพราะหากไม่หวั่นในศักยภาพแล้ว การตอบโต้หรือการไล่ล่าเพื่อเอาผิดทางกฎหมายคงมีความเข้มข้นเหมือนกับที่ดำเนินการกับคนอื่นก่อนหน้านี้

ชัดเจนว่าสงครามไซเบอร์ระหว่างกองทัพ รัฐบาล กับกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway และพันธมิตร ได้เกิดขึ้นแล้ว

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปช่างน่าสนใจและติดตามยิ่ง


You must be logged in to post a comment Login