- อย่าไปอินPosted 9 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
อย่าตกขบวน!
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ท่ามกลางการเมืองเรื่องข้าว ที่ยังมีความเห็นต่างต่อแนวทางแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำอย่างถาวร ยั่งยืน ที่ยังต้องเถียงกันอีกนาน
เป็นธรรมดาของสังคมไทยที่ใครก็บอกว่าลืมง่าย เวลาเกิดอะไรเป็นกระแสก็จะพูดถึงกันมา แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เงียบหายเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
ไม่ต่างจากเรื่องทุจริตที่เวลาพูดถึงเรื่องนี้ ก็มักแต่จะพูดถึงแต่เรื่องที่มีผลกระทบต่อการเมืองฝั่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนเรื่องที่กระทบต่อการเมืองอีกฝั่งหนึ่งดูเหมือนไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึง
ท่ามกลางความเงียบ ยังมีคนหนึ่งลุกขึ้นมาตั้งคำถามเรื่องคดีทุจริตก่อสร้างโรงพักที่ดูเหมือนเรื่องไม่มีความคืบหน้า
ที่น่าสนใจคือเป็นการตั้งคำถามจาก นายวีระ สมความคิด ไม่ใช่การตั้งคำถามจากฝ่ายการเมืองฝั่งพรรคเพื่อไทย
นายวีระ ถามว่าคดีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง มูลค่าความเสียหายจำนวน 5,848 ล้านบาท ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนมาหลายปีแล้วนั้น มีความคืบหน้าไปถึงไหน อย่างไร
นายวีระ ระบุว่า ไม่ต้องอ้างว่ามีคดีในมือมาก เพราะถ้ามีงานล้นมือทำไมคดีความที่เกี่ยวกับคนในรัฐบาลปัจจุบัน หรือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ถูกยื่นให้ตรวจสอบภายหลังจึงสามารถออกมาแถลงข้อสรุปการตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่าง เช่น กรณีคดีทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2558 ป.ป.ช.สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงได้อย่างรวดเร็ว และแถลงผลสอบต่อสาธารณะว่าทหาร คสช.ที่ถูกกล่าวหาบริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคนเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2559
หรืออย่างคดีกล่าวหา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา บรรจุแต่งตั้งลูกชายเข้ารับราชการทหารโดยผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ใช้เวลาตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริงเพียงไม่ถึง 5 เดือน แล้วสรุปผลออกมาว่าพล.อ.ปรีชา ไม่มีความผิด (ใครๆเขาก็ทำกัน)
ยังมีกรณียื่นให้ตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพล.อ.ปรีชา และภรรยา ป.ป.ช.ก็ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถแถลงผลสอบต่อสังคมว่า พล.อ.ปรีชาและภรรยาแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินถูกต้อง และไม่มีผู้ใดตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติม จึงยุติการตรวจสอบลงเพียงเท่านี้
ทั้งที่ยังมีประเด็นที่ค้างคาใจสังคม คือกรณีของเงินที่งอกขึ้นมาในบัญชีภรรยาพล.อ.ปรีชา ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งป.ป.ช.ควรตรวจสอบให้กระจ่าง ถึงเส้นทางการเงินโดยขอความร่วมมือจาก ป.ป.ง. และถ้าพล.อ.ปรีชาตอบคำถามของ ป.ป.ช.ไม่ได้ว่า เงินที่งอกในบัญชีของภรรยาจำนวนหลายสิบล้านบาท มีที่มาอย่างไร? ได้มาโดยชอบหรือไม่? ป.ป.ช.ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน กรณีพล.อ.ปรีชา มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปรกติ แต่ป.ป.ช.ก็ไม่ทำให้ชัดเจนและโปร่งใส เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่?
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่ทหาร คสช.ถูกกล่าวหา ป.ป.ช.จะรีบตรวจสอบให้ และผลของคดีเกือบทั้งหมด ทหาร คสช.พ้นผิด
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียเหลือเกิน นับแต่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ (คนสนิทของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บิ๊ก คสช.) ได้รับการสรรหาและได้รับการสนับสนุนจากบิ๊ก คสช.ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องกล่าวหาทหาร คสช.เกือบทั้งหมด ป.ป.ช.จะรีบดำเนินการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว และทุกเรื่องได้ผลสรุปเหมือนกันหมด คือทหาร คสช.ไม่มีใครทำผิดกฎหมายเลย
นายวีระ ตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานของป.ป.ช.ใช้หลักเกณฑ์ใดในการคัดเลือกว่าจะสอบคดีไหนก่อนหลัง และยังแสดงความกังวลว่าการที่ผลคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับ คสช.ถูกตีตกไปทั้งหมดจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือต่อป.ป.ช.หรือไม่
“คดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักดังกล่าว ประชาชนผู้เสียภาษีกำลังรอคำตอบอยู่นะ ทุกเรื่องประชาชนจะกัดไม่ปล่อย คนทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ดังเช่นกรณีของทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น ทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคภายใต้กฎหมายเดียวกัน อย่าตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือพวกเดียวกัน อย่าถ่วงเวลา อย่าดองคดี เพื่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบให้แก่คนทุจริต มิฉะนั้น ป.ป.ช.อาจจะตกเป็นจำเลยเสียเอง การทุจริตที่เลวร้ายที่สุด คือ การทุจริตในกระบวนการยุติธรรม”
นายวีระสรุปได้น่าสนใจว่าการทุจริตที่เลวร้ายที่สุดก็คือการทุจริตในกระบวนการยุติธรรม เหมือนกับที่มีหลายคนพูดว่าความล่าช้าของกระบวนการยุติคือความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งยังไม่นับรวมเรื่องเลือกปฏิบัติที่ถือเป็นที่สุดของความเลวร้าย
เมื่อคำถามของนายวีระพุ่งเป้าไปที่ป.ป.ช. ก็สมควรที่ป.ป.ช.จะต้องออกมาชี้แจงให้เกิดความกระจ่างถึงคดีความต่างๆหลายคดีที่ประชาชนรอความคืบหน้าอยู่ว่าเรื่องเดินไปถึงขั้นตอนไหน อย่างไร เพราะคำชี้แจงจะช่วยให้เกิดความเข้าใจตรงกัน หากไม่ชี้แจงยิ่งจะทำให้คนคิดกันไปเองว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ สุดท้ายผลเสียก็จะตกกับป.ป.ช.เอง ที่สำคัญเมื่อถึงขั้นตอนพิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับป.ป.ช.ก็ควรมีการปฏิรูปเสียใหม่ เหมือนกับที่กำลังทำกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ด้วย
You must be logged in to post a comment Login