วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ปตท. ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่

On November 18, 2016

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ปตท. มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของ ปตท. โดยให้แยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมาอยู่ภายใต้ บริษัท ปตท. ธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ (“PTTRB”) ที่จะทำการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (“PTTOR”) ในลำดับต่อไป เพื่อให้บทบาทหน้าที่แต่ละกลุ่มธุรกิจมีความชัดเจนโปร่งใส คล่องตัวและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน  ซึ่งเป็นผลพวงจากสถานการณ์และสภาพแวดล้อมธุรกิจพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจน้ำมันให้มีความแข็งแกร่ง สามารถขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกอย่างจริงจัง โดยเฉพาะตลาดค้าปลีกต่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงและมีคู่แข่งจำนวนมาก โดย ปตท. จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทฯ ดังกล่าว

สำหรับธุรกิจที่ถูกโอนย้ายเข้าไปอยู่ภายใต้บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด ประกอบด้วย   1.ธุรกิจน้ำมัน ประกอบด้วยค้าปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการทั้งในและต่างประเทศ ค้าเชิงพาณิชย์น้ำมัน แอลพีจี และเชื้อเพลิงอื่นๆ อาทิ จำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยาน จำหน่ายแอลพีจีในครัวเรือนและสถานีบริการ ฯลฯ จำหน่ายเชื้อเพลิงหล่อลื่นทั้งในและต่างประเทศ และบริหารโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจน้ำมัน อาทิ ด้านขนส่งหรือจัดเก็บ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ตอบสนองต่อลักษณะการเติบโตของตลาดทั้งในและต่างประเทศ และ 2. ธุรกิจค้าปลีกด้านอื่นๆ และให้บริการด้านบำรุงรักษายานยนต์ จะครอบคลุมการบริหารค้าปลีกและงานขายภายใต้แบรนด์ ปตท. และอื่นๆ อาทิ คาเฟ่อเมซอน ฟิตออโต้ รวมถึงริเริ่มสร้างธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม แฟรนไชส์และโรงแรม

นายเทวินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วัตถุประสงค์สำคัญของการปรับโครงสร้างฯครั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจน้ำมันให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงขยายตัวสู่ธุรกิจค้าปลีก โดยมีกลไกตลาดเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค พร้อมเพิ่มความคล่องตัวและศักยภาพในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศในอนาคต รวมทั้งยังช่วยให้ ปตท. สามารถทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศได้อย่างเต็มที่

การตัดสินใจปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ ปตท. ได้ศึกษาแนวทางอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งพนักงาน ปตท. ประชาชนผู้ใช้บริการและพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงยังคงเจตนารมณ์การเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยในส่วนของการค้าปลีกน้ำมัน ทุกอย่างยังเป็นไปตามกระบวนการเดิม เช่น กลไกราคา ซึ่งปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันและแอลพีจี จะขึ้นลงตามกลไกราคาตลาดโลก และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยกระทรวงพลังงาน

ขณะเดียวกัน ด้านธุรกิจค้าปลีก ปตท. ยังคงมีนโยบายชัดเจนที่จะเข้าไปมีส่วนช่วยยกระดับและพัฒนาภาคธุรกิจรายย่อยของไทย ทั้งเอสเอ็มอีและโอทอป โดยเฉพาะในโครงการประชารัฐก็ยังคงนโยบายส่งเสริมเช่นเดิม เห็นได้จากสินค้าภายใต้แบรนด์ ปตท. ล้วนเกิดจากการต่อยอดผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบจาก  เอสเอ็มอีและผู้ประกอบการในท้องถิ่นแทบทั้งสิ้น เช่น เมล็ดกาแฟ ในร้านคาเฟ่อเมซอน เป็นต้น

นายเทวินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ยังได้เห็นชอบให้ PTTOR เป็นบริษัทแกน (Flagship Company) ของกลุ่ม ปตท. ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเบื้องต้นของ PTTOR ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก และนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“อย่างไรก็ตาม การอนุมัติปรับโครงสร้างธุรกิจของคณะกรรมการ ปตท. ถือเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้ ปตท. จะนำเสนอต่อหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ ปตท. เพื่อพิจารณาอนุมัติตามกฏเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ปตท. เชื่อมั่นว่า การปรับยุทธศาสตร์ดำเนินธุรกิจดังกล่าว จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย สร้างความเข็มแข็งและการเติบโตให้กับกลุ่ม ปตท. และสังคมไทยควบคู่กันอย่างยั่งยืนต่อไป”


You must be logged in to post a comment Login