- อย่าไปอินPosted 8 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ภัยการตรวจสอบ
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
รอยคล้ายรูกระสุนปืน ที่บริเวณกระจกหน้าต่างชั้น 2 ของบ้านพักส่วนตัว ย่านอินทามระ 1 ของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ที่เกิดขึ้นเมื่องกลางดึกคืนวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ถูกตำรวจสรุปว่าน่าจะเกิดจากกระสุนปืนอัดลมเพราะตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่พบสารตะกั่ว รวมถึงภายในห้องที่เกิดเหตุก็ไม่พบหัวกระสุนปืนตกอยู่ จึงไม่น่าเป็นรอยที่เกิดจากกระสุนจริง
ส่วนคำถามที่ว่าแล้วทำไมไม่พบหัวกระสุนลูกเหล็กตามที่สันนิษฐานว่าเป็นการยิงปืมลมไล่นกของชาวบ้านระแวกนั้น ก็มีคำตอบว่ากระสุนไม่มีความแรงมากพอที่จะทะลุกระจกเข้ามาในตัวบ้าน อาจกระเด็นตกนอกบริเวณบ้าน
เรื่องนี้ทำท่าจะจบแบบผลสรุปที่กล่าวมาข้างต้น
หากเป็นจริงดังข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อยกรณีนี้ก็จะไม่ทำให้ความขัดแย้งทางความคิดขยายกว้างออกไป
เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนที่จะเกิดรอยกระสุนที่บ้านนายเรืองไกรนั้น นายเรืองไกรได้กลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเชิงตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการเงียบหลังถูกนำตัวไปปรับทัศนคติ
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงนายเรืองไกร เท่านั้นที่ประสบกับสถานการณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคามจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองเชิงตรวจสอบผู้มีอำนาจ
แต่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและการถูกคุกคามจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองเชิงตรวจสอบผู้มีอำนาจรัฐ
ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณได้ยื่นคำร้องเรียนพร้อมพยานหลักฐานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้สั่งการคุ้มครองสวัสดิภาพ กรณีถูกคุกคาม-ปองร้าย โดยถูกชายนิรนามถ่ายรูป และติดตามหลังจากเข้ายื่นฟ้องหน่วยงานภาครัฐต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พาวเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ แพลน (พีดีพี) เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา
นายศรีสุวรรณ ระบุว่าสิ่งที่ถูกกระทำสะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์ของการใช้อำนาจ ข่มขู่ คุกคามประชาชนอย่างชัดเจน
ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายเรืองไกรและนายศรีสุวรรณไม่ใช่กรณีแรกของผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว และทุกครั้งที่เกิดเรื่องอย่างนี้จะมีคำถามออกมาจากสองกลุ่มการเมืองที่เห็นต่างว่า คุกคามข่มขู่เพื่อปิดปากปิดกั้นการตรวจสอบหรือไม่ หรือว่าสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่
ทั้งสองคำถามมักเป็นคำถามที่ไร้คำตอบที่แน่ชัด แม้ผู้ที่ถูกคุกคามจะมีหลักฐาน เช่น ทะเบียนรถหรือรูปคนที่ติดตามคุกคาม แต่ก็ไม่เคยมีคำตอบว่าคนที่กระทำพฤติกรรมอย่างว่านั้นเป็นใครมาจากไหนและมีจุดประสงค์อะไร
หรืออย่างมากหากมีหลักฐานมัดแน่นก็จะได้รับคำตอบว่าส่งคนไปดูแลความปลอดภัย เพราะเกรงว่าจะมีมือที่สามไปตีหัวสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดมาให้คู่กรณีที่ถูกตรวจสอบ ซึ่งก็คือผู้ที่ถือครองอำนาจรัฐ
นี่คือปรากฏการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนปฏิบัติการคุกคามจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ
จึงอยากยกคำพูดของผู้มีอำนาจบางคนที่ว่า “ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร” ปล่อยให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพราะถ้าไม่ผิดผลของการตรวจสอบจะช่วยสร้างเกราะคุ้มกันไม่ให้ถูกกล่าวหา หรือถูกเข้าใจไปในทางผิดได้เป็นอย่างดี
You must be logged in to post a comment Login