วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘เบส’ไม่ธรรมดา

On November 29, 2016

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เวลาทำให้ความจริงปรากฏ

กรณีของ เบส-น.ส.อรพิมพ์ รักษาผล ก็ไม้พ้นวัฏจักรนี้ เพราะเวลาได้ทำให้สังคมประจักษ์ชัดแจ้งว่าคำปฏิเสธก่อนหน้าของผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เบสตกเป็นที่วิจารณ์ของสังคม เรื่องการพูดในงานที่กองทัพเป็นเจ้าภาพนั้น ได้ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม

เรื่องของเบส หากย้อนกลับไปดูจะพบว่าต้นเรื่องที่เป็นกระแสร้อนในสังคมมาจากข่าวที่ปรากฏว่าสถานทูตสหรัฐไม่ออกวีซ่าให้เข้าประเทศ ทั้งที่จะเดินทางไปพูดเรื่องเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9

การไม่ออกวีซ่าทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐไปในทางเสียหาย เพราะเรื่องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของไทยนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ยิ่งในช่วงสถานการณ์พิเศษยิ่งมีความละเอียดอ่อนเพิ่มเป็นหลายเท่า

หลังปรากฏเป็นข่าวก็มีข้อมูลอีกด้านถูกเผยแพร่ออกมาว่าสิ่งที่เบสพูดอาจไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจอันดี แต่อาจทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย

จากนั้นก็มีข้อมูลอื่นๆปรากฏออกมาอีกมากมาย โดยเฉพาะเบื้องลึกเบื้องหลังของการเดินสายพูด

เรื่องนี้เป็นประเด็นอยู่พักใหญ่และทำท่าจะเงียบไปเหมือนหลายเรื่องที่ผ่านมา แต่แล้วจู่ๆก็กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อปรากฏข่าวว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหนังสือรับรองให้เบสใช้ยื่นทำวีซ่าเข้าสหรัฐใหม่อีกครั้ง

การทำหนังสือรับรองของอธิบดีดีเอสไอมาพร้อมกับคำถามมากมาย เช่น เบสไม่ได้เป็นข้าราชการในสังกัด ทำไมต้องออกหนังสือของราชการรับรองการเดินทาง ดีเอสไอเป็นเจ้าภาพจัดให้เบสไปพูดที่สหรัฐหรือไม่ ทำไมการพูดที่สร้างความแตกแยกทางความคิดที่ผ่านมาจึงได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการไทย ไม่มีใครที่มีความรู้ความเข้าใจที่จะถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ดีกว่านี้หรือ ทำไมต้องเป็นเบส

คำชี้แจงของ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ คือ ดีเอสไอในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรรม ได้รับเรื่องร้องมาให้ทำหนังสือรับรองการเดินทางไปทำกิจกรรมของเบส ซึ่งเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ และยังเป็นการสร้างความรับรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้อง เป็นการเดินทางไปพูด เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานด้านการประสานสร้างความเข้าใจ และความร่วมมือต่างประเทศ ดีเอสไอจึงออกหนังสือรับรองให้

พ.ต.อ.ไพสิฐ บอกว่าเบสเป็นผู้ทำหนังสือขอมาด้วยตนเอง และคณะกรรมการก็พิจารณารับรองในเรื่องการพูดเรื่องเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ เพียงประเด็นเดียว ส่วนประเด็นอื่นๆ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา กลับได้ข้อมูลว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นคนสั่งให้อธิบดีดีเอสไปทำหนังสือรับรองเพราะว่าตนเองรับผิดชอบเป็นประธานตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งมีหลายหน่วยงานร่วมกันทำงานนี้อยู่

“กรณีดังกล่าวเห็นว่าเป็นการตั้งใจเดินทางไปสร้างความเข้าใจ ผมเข้าในว่าตัวน.ส.อรพิมพ์เองก็มีความตั้งใจดี ส่วนกรณีที่เป็นปัญหาก็ต้องแยกแยะให้ดี ผมไม่ได้คุยโดยตรง แต่ก็บอกไปว่าให้ไปทำหน้าที่ให้ดี ให้รอบคอบ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับการทำงานของคณะทำงานมาตรา 112 ซึ่งที่ผ่านมามีการขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ ก็ได้รับความร่วมมือดี จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ดีขึ้น การประสานงานก็ต้องระวังไม่ให้เกิดผลกระทบ”

ทั้งคำชี้แจงจากอธิบดีดีเอสไอ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทำให้เกิดความชัดเจนถึงบทบาทของเบสในช่วงที่ผ่านมาและที่จะดำเนินการต่อไป

นอกจากความชัดเจนในบทบาทของเบสแล้ว สังคมยังได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับผู้กำหนดบทบาทให้เบสเล่น แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะเกิดกระแสสังคมไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับเป้าหมายอยู่บ้าง

แต่ชัดเจนว่าทั้งผู้กำกับและคนเล่นจะดำเนินตามแนวทางนี้ต่อไป ส่วนจะบรรลุเป้าหมายใดที่วางไว้หรือไม่ เวลาจะทำให้ได้คำตอบที่ชัดเจนในอีกไม่ช้า

“เบส” คนนี้จึงไม่ใช่แค่เบสธรรมดา แต่เป็น “เดอะเบส” คนที่ดีที่สุดที่ถูกเลือกทำภารกิจนี้


You must be logged in to post a comment Login