- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
แบบแผนความหายนะ? / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
คัมภีร์กุรอานไม่เพียงแต่มีเรื่องราวมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรือง ความตกต่ำ และความล่มสลายของชุมชนและชาติต่างๆในอดีตเท่านั้น แต่ยังบอกถึงขั้นตอนและแบบแผนการล่มสลายของชุมชนและอาณาจักรไว้เป็นบทเรียนด้วย
เมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นสังคมที่เจริญแล้ว คัมภีร์กุรอานได้บอกถึงนิสัยของมนุษย์ไว้ว่า “มนุษย์มักละเมิดเสมอเมื่อเขาเห็นว่าเขามั่งคั่ง”
การละเมิดในที่นี้หมายถึงละเมิดขอบเขตทางศีลธรรม ในช่วงเวลายากจนผู้คนมักไม่ค่อยทำผิดศีลธรรมเพราะไม่มีทรัพย์ปัจจัยหนุนหลัง แต่พอมีความมั่งคั่ง ทรัพย์สินจะเป็นทาสรับใช้ใจที่มีแนวโน้มไปสู่ที่ต่ำอยู่แล้วให้ทำผิดศีลธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ และความเสื่อมเสียทางศีลธรรมนี้เองที่นำไปสู่การล่มสลายของสังคม
ศึกษาคัมภีร์กุรอานและคัมภีร์ไบเบิลดูแล้วจะรู้ว่า ทุกครั้งที่สังคมมนุษย์เสื่อมทรามทางศีลธรรม พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์ยังคงมีความเมตตาเป็นห่วงมนุษย์ยิ่งกว่าพ่อแม่ห่วงลูก พระองค์ได้ส่งคนของพระองค์ซึ่งในภาษาอาหรับเรียกว่า “นบี” มาตักเตือนผู้คนให้อยู่ในกรอบศีลธรรม
แต่เพราะคำตักเตือนของนบีมักจะเสียดแทงใจดำ ขัดขวางใจที่อยากทำบาปและผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจในสังคม นบีเหล่านั้นจึงถูกเยาะเย้ยและต่อต้านจนถึงขั้นวางแผนสังหารก็มี
เมื่อผู้คนในสังคมละเมิดศีลธรรมและไม่เชื่อฟังหรือต่อต้านนบี นั่นก็เท่ากับว่าคนในสังคมไม่รับความหวังดีจากพระเจ้าและปฏิเสธอำนาจของพระองค์ ดังนั้น เพื่อให้โอกาสแก่มนุษย์ที่ปฏิเสธนบี พระเจ้าจึงส่งสัญญาณเตือนอีกครั้งในรูปของปาฏิหาริย์หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติบางอย่าง เช่น ความอดอยากขาดแคลน การแพร่ระบาดของสัตว์เช่นกบ และแม่น้ำกลายเป็นสีเลือดในสมัยของฟาโรห์ เป็นต้น
ส่งสัญญาณเตือนอย่างนี้แล้วยังไม่สำนึกและยังคิดท้าทายอำนาจของพระเจ้าอีก ในที่สุดหายนะก็ตามมา หลายเมืองในอดีตที่ผู้คนมีท่าทีเช่นนี้ได้ล่มสลายหรือถูกทำลายหายสาบสูญไป เช่น เมืองโซดอมในจอร์แดน ชุมชนชาวอ๊าดและษะมูดในคาบสมุทรอาหรับ และอาณาจักรไอยคุปต์ เป็นต้น
กลุ่มชนดังกล่าวถูกทำลายไปหมดแล้ว แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พระเจ้าปล่อยไว้ให้รอดเพื่อให้โลกเห็นว่าผู้โอหังต่อพระเจ้าไม่มีวันที่จะได้รับความสุข นั่นคือกลุ่มลูกหลานอิสราเอล
ทั้งคัมภีร์กุรอานและคัมภีร์ไบเบิลเล่าตรงกันว่า ลูกหลานอิสราเอลได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้ามากที่สุดในฐานะที่เป็นลูกหลานของอับราฮัม เพราะพระเจ้าให้มีนบีเกิดขึ้นในคนกลุ่มนี้มากที่สุดเพื่อมาตักเตือน แต่พวกลูกหลานอิสราเอลกลับสำคัญผิดคิดว่าพวกตนเป็นกลุ่มคนที่พระเจ้าคัดเลือกให้เหนือกว่าคนกลุ่มอื่น และพระเจ้ารักพวกตน จนถึงขั้นเชื่อว่าหากพวกตนทำบาป พระเจ้าจะลงโทษพวกตนเพียง 2-3 วันเท่านั้น ความเข้าใจผิดเช่นนี้เองที่ทำให้พวกลูกหลานอิสราเอลทำผิดบาปเรื่อยมานับตั้งแต่สมัยที่โมเสสยังมีชีวิตอยู่
หลังสมัยกษัตริย์โซโลมอน พระเจ้าได้ลงโทษพวกลูกหลานอิสราเอลอีกครั้งด้วยการให้คนพวกนี้ถูกรุกรานเข่นฆ่าและตกเป็นทาสของชนชาติอื่นเป็นเวลานับร้อยปี หลังจากได้รับการปลดปล่อยจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย พวกลูกหลานอิสราเอลได้พากันกลับไปยังเมืองเยรูซาเลมเพื่อฟื้นฟูแผ่นดินมาตุภูมิของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
แต่พอตั้งตัวได้และมีความเจริญมั่งคั่งขึ้นมา พวกลูกหลานอิสราเอลก็ละเมิดขอบเขตศีลธรรมอีก พระเจ้าจึงได้ส่งนบีซะกะรียา (เศคาริยาห์) นบียะฮฺยา (ยอห์น เดอะแบบติสต์) และนบีอีซา (เยซัส) มาตักเตือนพวกลูกหลานอิสราเอล แต่เพราะคำตักเตือนของนบีเหล่านี้ไปทิ่มแทงใจดำที่อยากทำชั่วและขัดผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพล ในที่สุดนบีทั้ง 3 คน จึงถูกพวกลูกหลานอิสราเอลสังหาร
การฆ่าทูตของประเทศหนึ่งประเทศใดถือเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจ แต่การฆ่าทูตของพระเจ้าหมายถึงการหยามเกียรติของพระเจ้าโดยตรง ดังนั้น หลังสมัยของพระเยซู 70 ปี พวกลูกหลานอิสราเอลจึงถูกพวกโรมันรุกรานและเข่นฆ่าจนต้องหลบลี้หนีภัยไปอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ
วันนี้มีกลุ่มชนโอหังพยายามตั้งรัฐที่ใช้ชื่ออิสราเอลขึ้นมาบนซากศพและกองเลือดของผู้อยู่อาศัยเดิม โดยใช้รัฐบาลของชาติมหาอำนาจที่มีแสนยานุภาพทางทหารเป็นเครื่องมือ มาคอยดูกันว่าพระเจ้าจะจัดการกับคนกลุ่มนี้อย่างไร
You must be logged in to post a comment Login