- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
บทเรียนจากผู้นำเกาหลี / โดย กองบรรณาธิการ
คอลัมน์ : รายงาน
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ
ประธานาธิบดีปาร์ค กึนเฮ แห่งเกาหลีใต้ เผชิญปัญหาหนักทางการเมืองระดับวิกฤต เหตุจากนางชอย ซุนชิล ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท อ้างความเป็นเพื่อนกับปาร์ค กึนเฮ แสวงหาผลประโยชน์ เข้าข่ายการกระทำทุจริตคอร์รัปชั่น
แม้โฆษกประจำตัวจะออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาแทนผู้นำเกาหลีใต้ แต่ไม่สามารถลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน นำหลักฐานมายืนยันว่านางชอย ซุนชิล กระทำผิดจริง
ความไม่พอใจของประชาชน พัฒนาเป็นการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อ เรียกร้องให้ปาร์ค กึนเฮลาออก มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นตามลำดับ ถือเป็นการ “จุดติด” ตามด้วยการโหมไฟให้แรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การแถลงขอโทษประชาชนครั้งแรกและครั้งที่ 2 ของปาร์ค กึนเฮ ไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ จึงต่อด้วยครั้งที่ 3 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
การแถลงทางโทรทัศน์ครั้งที่ 3 นอกจากขอโทษแล้ว ยังมีสีสันที่แตกต่างจาก 2 ครั้งแรก โดยปาร์ค กึนเฮระบุว่าให้รัฐสภาเป็นฝ่ายตัดสินอนาคตของตน ด้วยการกำหนดมาตรการถ่ายโอนอำนาจให้เป็นไปอย่างราบรื่น ให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองน้อยที่สุด และลดความขัดแย้งทางการเมืองลง
ถึงตอนนี้ ปาร์ค กึนเฮยืนยันว่าจะลาออกจากตำแหน่งทันที
แต่พรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ มองว่าเป็นแผนเลี่ยงการถูกอภิปรายถอดถอน ยืนยันจะยื่นญัตติให้รัฐสภาลงมติถอดถอนปาร์ค กึนเฮ ตามที่กำหนดไว้เดิม วันศุกร์นี้
อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฝ่ายค้าน พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องอาศัยเสียงจากซีกรัฐบาลอย่างน้อย 28 เสียง จึงจะถอดถอนปาร์ค กึนเฮได้ เนื่องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านมีจำนวนเสียงไม่พอตามที่กฎหมายกำหนดไว้
สำหรับปาร์ค กึนเฮ วัย 64 ปี เป็นประธานาธิบดีคนที่ 11 ของเกาหลีใต้ และเป็นผู้นำหญิงคนแรกของแดนโสม เข้าดำรงตำแหน่งมีวาระ 5 ปี เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2013
หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง ปาร์ค กึนเฮจะดำรงตำแหน่งผู้นำแดนโสมต่อไปอีกประมาณ 1 ปีกว่า โดยจะหมดวาระ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018
ประเด็นน่าสนใจของเหตุการณ์นี้ อยู่ที่ผู้นำแดนโสมไว้วางใจเพื่อนสนิทที่คบกันมานานมากเกินไป และเพื่อนเองเกิดความโลภ ซึ่งมาจากความรู้สึกว่า เป็นเพื่อนกับคนใหญ่คนโตระดับผู้นำประเทศ
ความโลภทำให้ขาดสติยั้งคิด ลงมือรีดไถโดยอาศัยคำว่า “เป็นเพื่อนซี้ผู้นำประเทศ” เป็นเครื่องมือ
เมื่อผลสะท้อนกลับ เกิดขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ จึงถือว่าสิ่งที่ทำลงไป เป็นบทเรียนราคาแพงไม่ใช่น้อยทีเดียว
You must be logged in to post a comment Login