เทย์เลอร์ สวิฟต์ รายได้สูงที่สุดปี 2016

• Tweet
• 

เว็บไซต์  themomentum.co รายงานว่า  Forbes กับอันดับศิลปินที่มีรายได้สูงที่สุดประจำปี 2016 พบว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ศิลปินป็อปสาวชื่อดังจากเมืองมะกันมีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของวงการอยู่ที่ 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ทิ้งห่างลำดับที่สอง อย่างศิลปินกลุ่มบอยแบนด์ One Direction ถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ!
ทั้งนี้ Forbes ได้เก็บข้อมูลรายได้ของศิลปินในอุตสาหกรรมเพลงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2015 จนถึงเดือนมิถุนายนปี 2016 โดยคำนวณจากฐานข้อมูลของ โพลสตาร์ (Pollstar) ที่มีรายละเอียดรายได้ของทัวร์คอนเสิร์ตแต่ละทัวร์, ข้อมูลจาก นีลเซ่น (Nielsen) ที่มีการวัดจำนวนยอดขายเพลง, ข้อมูลโดยสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (Recording Industry Association of America) และข้อมูลจากการสัมภาษณ์บุคลากรที่ทำงานในวงการ ซึ่ง Forbes ได้คาดการณ์ว่าสาเหตุที่ทำให้สวิฟต์โกยรายได้เป็นกอบเป็นกำแซงหน้าเพื่อนๆ ในวงการ เป็นผลพวงมาจากการออกทัวร์คอนเสิร์ต ‘The 1989 World Tour’ ของเธอ
The 1989 World Tour ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่เริ่มออกสตาร์ทมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2015 และจบลงในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โดยออกโชว์ทั้งหมดมากกว่า 85 แห่งในทวีปเอเชีย (7), อเมริกาเหนือ (63), ยุโรป (8), และโอเชียเนีย (7) คว้ารายได้ไปทั้งหมดประมาณ 254 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว
โลรี แลนดิว (Lori Landew) ทนายความชื่อดังจากบริษัทกฎหมาย Fox Rothschild แสดงความเห็นว่า “เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่เพียงแต่มอบเพลงดีๆ และคอนเสิร์ตเจ๋งๆ ให้คนดูเท่านั้น แต่เธอยังสวยสาวพราวเสน่ห์ แบรนด์ทั้งหลายต่างมองว่าเธอเป็นตัวแทนที่ดีที่สามารถพึ่งพาได้ของพวกเขา เนื่องจากเธอค่อนข้างเป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง อีกทั้งยังมีกลยุทธ์ในการปกป้องคุณค่าของเธออีกด้วย”
โดย 10 อันดับศิลปินที่มีค่าตัวแพงที่สุดมีรายชื่อดังนี้

อันดับ 10 Diddy (62 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แรปเปอร์ชาวอเมริกันอย่าง Diddy พาตัวเองแซงหน้า Jay Z และ Kanye West ด้วยดีลรายรับมหาศาลกับแบรนด์วอดก้า CÎRO

อันดับ 9 Calvin Harris (63 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แม้จะช้ำรักจากสวิฟต์มาก็ตาม แต่สำหรับเรื่องของรายรับแล้ว ดีเจชื่อดังรายนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอยู่พอสมควร โดย Calvin Harris มีรายได้มหาศาลจากการที่เจ้าตัวได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตมากมาย นอกจากนี้สัญญาระยะเวลา 3 ปีที่เขาได้เซ็นกับ Hakkasan สถานที่เที่ยวชื่อดังในเมืองลาสเวกัส ก็ทำให้เขามีรายได้มากกว่า 400,000 เหรียญสหรัฐ ในทุกๆ ครั้งที่เขาปรากฏตัวอีกด้วย

อันดับ 8 The Rolling Stones (66.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
วงร็อกรุ่นเก๋าจากเมืองผู้ดีรายนี้พึ่งจะปรากฏตัวกว่า 27 โชว์คอนเสิร์ตในประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมีรายชื่อติดในการจัดอันดับครั้งนี้

อันดับ 7 AC/DC (67.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
คอนเสิร์ต Rock or Bust World Tour ของอีกหนึ่งวงร็อกรุ่นเก๋าสัญชาติออสเตรเลียในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผลเป็นอย่างมากที่ทำให้รายรับรวมของพวกเขาพุ่งกระฉูด

อันดับ 6 Garth Brooks (70 ล้านเหรียญสหรัฐ)
การ์ท บรูกส์ (Garth Brooks) ศิลปินคันทรีชาวอเมริกันมีชื่อติดอยู่ในอันดับที่ 6 หลังจากที่เขาประกาศทัวร์คอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ของเจ้าตัวในเดือนกันยายนปี 2014

อันดับ 5 Rihanna (75 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ศิลปินป็อปอาร์แอนด์บีอย่าง Rihanna มีรายรับหลักจากการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้ามากมาย อาทิ Dior, Puma, Samsung และ Stance นอกจากนี้ในปีนี้ เธอยังมีผลงานชื่อดังอย่าง Work และ This Is What You Came For (ผลงานร่วมกับ Calvin Harris) อีกด้วย

อันดับ 4 Madonna (76.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
รายได้ที่เป็นกอบเป็นกำของศิลปินตัวแม่รายนี้เป็นผลมาจากทัวร์คอนเสิร์ต Rebel Heart Tour ที่คว้ารายได้ไปมากกว่า 170 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกเหนือจากนี้ Madonna ยังมีช่องทางอื่นๆ ในการหารายได้ของเธอจากการขายน้ำหอมและเสื้อผ้าอีกด้วย

อันดับ 3 Adele (80.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
Adele ศิลปินสาวเสียงทรงพลังจากเมืองผู้ดีมีชื่อติดอันดับศิลปินที่มีรายได้สูงสุดจากอัลบั้ม 25 ของเธอที่ปล่อยในช่วงปลายปี 2015 สามารถทำลายสถิติยอดขายอัลบั้มที่ดีที่สุดทั้งสองฟากฝั่งของแอตแลนติกในปีนั้น

อันดับ 2 One Direction (110 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แม้จะยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก แต่ศิลปินกลุ่มบอยแบนด์รายนี้ ก็คว้ารายได้จาก On the Road Again Tour ไปมากกว่า 200 กว่าล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

อันดับ 1 Taylor Swift (170 ล้านเหรียญสหรัฐ)
คอนเสิร์ต The 1989 World Tour ของศิลปินสาวสุดป๊อปรายนี้นับเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่มีค่าบัตรแพงที่สุดประจำปี เป็นรองเพียงแค่ Fleetwood Mac’s On with the Show และ V Tour ของ Maroon 5 เท่านั้น ทั้งยังนับเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่มีค่าบัตรแพงที่สุดของเจ้าหล่อนอีกด้วย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับคอนเสิร์ต The Red Tour ของสวิฟต์ที่จัดขึ้นระหว่างปี 2013-2014 นั้น พบว่าราคาบัตรชมคอนเสิร์ตของเธอมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 123% เลยทีเดียว

You must be logged in to post a comment Login