วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ผิดฉกรรจ์‘แจกเงินผิดคนผิดวิธี’ / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On December 1, 2016

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

บทความนี้อาจดูว่าตี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แรงหน่อยนะครับ แต่หวังว่าท่านจะเห็นเจตนารมณ์ของผมในฐานะคนเขียนว่าหวังดีต่อรัฐบาลและประเทศชาติ เพราะถ้าแจกเงินกันแบบนี้ชาติจะพังเอา ไม่ใช่หนทางสรณะในการแก้ปัญหาแน่นอน

รัฐบาลแจกยังไง?

ตามมติ ครม. วันที่ 23 กันยายน 2559 และวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียน 8.3 ล้านคน คิดเป็นวงเงิน 19,290 ล้านบาท เป็นผู้ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท จำนวน 4.6 ล้านราย เป็นเกษตรกร 1.5 ล้านราย คนจนในเมือง 3.1 ล้านราย ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลคนละ 3,000 บาท งบประมาณสนับสนุน 13,830 ล้านบาท

ผู้ที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท จำนวน 3.6 ล้ายราย เป็นเกษตรกร 1.3 ล้ายราย คนจนในเมือง 2.3 ล้านราย ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 1,500 บาท งบประมาณสนับสนุน 5,460 ล้านบาท

แจกแสดงถึงการจนตรอก

เมื่อเร็วๆนี้ ดร.สมคิดยังกล่าวว่า ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่กลับ “แจกแหลก” อีก แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี โดยดูจากข่าวต่างๆ เช่น ผลพวงเศรษฐกิจชะลอขึ้นเงินเดือน โบนัสลดลง เอ็นพีแอลพุ่งเกือบ 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ยอด 393,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจงปีหน้ายังพุ่งต่อ ยอมรับกังวล “เอสเอ็มอี” อสังหาริมทรัพย์ทรุดหนักหวั่นติดลบแตะ 20% จ่อยื่นหนังสือวอนรัฐช่วยแก้ปัญหา ไตรมาส 3 กำไรบริษัทจดทะเบียนวูบแสนล้าน หุ้นพีอีพุ่ง 23 เท่า-เตือนแพง! พัทยากระอักพิษล้างบางทัวร์ศูนย์เหรียญ นักท่องเที่ยวจีนลดฮวบ 90%โรงแรมดัมพ์ราคาฝ่าวิกฤต ฯลฯ

ที่ผ่านมามีกลอนบอกว่า “นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด” แสดงว่า ดร.สมคิดกำลังยื่นแต่ปลา ไม่รู้จักยื่นเบ็ด แทนที่จะเอาเงินมหาศาลไปพัฒนาเพื่อก่อให้เกิดรายได้อื่น เช่น สร้างเขื่อนกักเก็บน้ำให้เกษตรกร หรือใช้ผลิตไฟฟ้าแทนฟอสซิล กลับแจกแต่เงิน ดร.สมคิดกำลังนำเงินไปแจกส่งเดช

อิ๊บอ๋ายแล้ว แจกผิดคน

จากข้อมูลของธนาคารโลก ประเทศไทยมีคนจนอยู่ 10.6% หรือเกือบ 7 ล้านคน แต่กลับปล่อยให้มีการลงทะเบียนถึง 8.3 ล้านคน นี่คือความผิดมหันต์ ธนาคารโลกระบุว่า 80% ของคนจนอยู่ในชนบท แต่ ดร.สมคิดกลับว่าคนจนอยู่ชนบทเพียง 1 ใน 3 จึงเป็นความผิดมหันตโทษ แจกเงินผิดคน คนจนจริงๆคงไม่ได้รับเงินแจก คนจนที่ต้องกระเสือกกระสนมาทำงานในเมืองส่วนมากไม่มีทะเบียนบ้านในเมืองก็หมดสิทธิ

ท่านคงถูกหลอกว่าคนสลัมในเมืองเป็นคนยากจน แท้จริงแล้วผมได้ศึกษาและค้นพบมาตั้งแต่ปี 2528 (31 ปีก่อน) ว่าคนอยู่อาศัยสลัมมีไม่ถึง 10% ของคนเมือง หากสมมุติว่าประชากรทั้งหมดในเขตเมืองมี 10 ล้านคน คนในชุมชนแออัดจริงๆมีไม่ถึง 1 ล้านคน และคนในสลัมที่ยากจนจริงๆมีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น (http://bit.ly/2glNdEN)

ซ้ำร้ายแจกผิดวิธี

ถ้าจะแจกจริงๆก็น่าจะแจกเป็นข้าวมากกว่า เพราะได้ช่วยชาวนาต่อหนึ่ง ช่วยคนจนอีกต่อหนึ่ง แต่ ดร.สมคิดกลับปล่อยให้มีการแจกเงินแล้วคนคงเอาเงินไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากบริษัทขนาดใหญ่ทั้งหลาย เท่ากับเรากำลังช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ๆให้มีเงินหมุนเวียนอย่างสะดวก ไม่ได้นำพาคนจนเท่าที่ควร หากแจกข้าวจากชาวนาซึ่งขณะนี้ราคาข้าวกำลังตกต่ำก็จะช่วยประชาชนได้เป็นอย่างยิ่ง

จะเห็นได้ว่าหากซื้อข้าวเปลือกชาวนามาแจกด้วยวงเงิน 19,290 ล้านบาทตามนโยบายแจกเงินนั้น หากซื้อข้าวปรกติที่ราคา 7,000 บาทต่อตัน (ยกเว้นข้าวคุณภาพดีที่อาจขายได้ตามราคาตลาดที่สูงกว่า) ก็จะสามารถซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาได้ถึง 2.755 ล้านตัน ขณะที่ปี 2559 ผลผลิตข้าวทั่วประเทศสูงถึง 25.2 ล้านตัน เท่ากับว่ารัฐบาลสามารถดูดซับอุปทานได้ถึง 11% ของผลผลิตเลยทีเดียว จะทำให้ราคาข้าวเปลือกขยับตัวสูงขึ้น

หากในกรณีซื้อข้าวสารที่ชาวนาสีขายเอง ปรากฏว่าปีหนึ่งๆประชาชนไทยบริโภคข้าวคนละ 106 กิโลกรัม ถ้าคูณด้วยจำนวนประชากร 65.7 ล้านคน ก็จะบริโภคข้าวภายในประเทศถึง 6.967 ล้านตัน หากให้ขายข้าวกิโลกรัมละ 21 บาท ก็สามารถซื้อขายได้ถึง 913,352 ตัน หรือเท่ากับ 13% ของอุปทานในตลาด แต่เรากลับแจกเงินหาเสียงแล้วเข้ากระเป๋านายทุนใหญ่ๆ (ดูรายละเอียดการคำนวณที่ http://bit.ly/2g8rqnb)

ผมห่วง ดร.สมคิดจะเป็น “หม่อมอุ๋ย 2” ห่วงรัฐบาลจะไปผิดทาง และที่ห่วงที่สุดคือประเทศชาติจะบอบช้ำครับ


You must be logged in to post a comment Login