- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 10 hours ago
- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 7 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
มหกรรมช่วยเหลือชาวนาไทย
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิด งาน“ชาวนนท์ ช่วยชาวนา” ซึ่งได้จัดขึ้นร่วมกับเทศบาลนครนนทบุรี และบริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวตราหงส์ทอง โดยกล่าวว่า “เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนา ที่ในปัจจุบันผลผลิตคือข้าวเปลือกได้มีราคาอยู่ในภาวะที่ตกต่ำในรอบหลายปี จึงได้จัดงานชาวนนท์ ช่วยชาวนา โดยจะเป็นมหกรรมจำหน่ายข้าวสารราคาพิเศษจากพี่น้องชาวนาไทย ซึ่งภายในงานพี่น้องชาวนาตัวจริงจากทั่วประเทศจะได้มาร่วมจำหน่ายข้าวสารได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าและผลผลิตด้านการเกษตรมาร่วมจำหน่ายอีกหลายอย่าง โดยผู้สนใจสามารถเดินทางมาเลือกซื้อหรือร่วมงานได้ ในระหว่างวันพุธที่ 30 พฤศจิกายน – วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2559 ณ บริเวณลานหงษ์ทอง หน้าบริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด อ.เมือง จ.นนทบุรี ด้านนางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวตราหงษ์ทอง ซึ่งเป็นผู้ร่วมในการจัดงานครั้งนี้ได้กล่าวว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปี 59/60 เกษตรกรต้องเผชิญกับภาวะข้าวเปลือกราคาตกต่ำ ซึ่งเป็นผลจากกลไกตลาดที่เกิดการชะลอซื้อแต่ในขณะที่ผลผลิตออกมาสู่ตลาดแล้ว ข้าวตราหงษ์ทองซึ่งเป็นผู้รับซื้อและจำหน่ายข้าวหอมมะลิทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จึงได้เข้าให้การช่วยเหลือ ด้วยการเร่งระดมซื้อข้าวจากเกษตรกรชาวนาในพื้นที่ด้วยราคาที่เป็นธรรมที่สุด และเพื่อให้ชาวนาได้มีโอกาสขายข้าวโดยตรงถึงผู้บริโภค จึงได้ร่วมจัดงานฯ ครั้งนี้ซึ่งมีระยะเวลารวม 5 วัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกร และนอกจากนี้ยังได้เชิญเกษตรกรชาวนาตัวจริงมาร่วมงาน พร้อมทั้งนำผลผลิตข้าวสารจากแปลงนามาขายตรงถึงมือผู้บริโภคอีกด้วย โดยเกษตรกรที่มาร่วมงานครั้งนี้มาจาก จังหวัดสุรินทร์ 4 ราย จังหวัดศรีสะเกษ 6 ราย จังหวัดยโสธร 1 ราย จังหวัดมหาสารคาม 1 ราย จังหวัด กาญจนบุรี 1 ราย และจังหวัดชัยนาท 2 ราย รวมเป็นชาวนาที่มาจากจังหวัดต่างๆ ทั้งสิ้น 15 ราย นำข้าวสารมาร่วมจำหน่ายรวมกว่า 20,000 กิโลกรัม โดยบริษัทฯ ได้เป็นผู้จัดการเรื่องสถานที่และคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวนา
สำหรับสถานการณ์ที่ข้าวมีราคาตกต่ำในรอบหลายปี มีผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงกับบริษัทฯ คือมูลค่าการขาย เนื่องจาก
ราคาข้าวหอมมะลิลดลง 20-30 บาท เฉลี่ยต่อ 5 กก. ในส่วนปริมาณการขายไม่มีผลกระทบ แม้ชาวนาจะนำข้าวสารออกมาขายเองตรงถึงผู้บริโภคแต่ก็ยังมีสัดส่วนที่น้อย เพราะข้าวตราหงษ์ทองเองก็ได้จัดรายการส่งเสริมการขายต่างๆ ทั้งด้านการลดราคา หรือการแถมเพิ่มปริมาณฟรีให้กับผู้บริโภคเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการจัดรายการส่งเสริมการขายมาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรง ถ้าประชากรในจังหวัดนนทบุรีมีมากกว่า 1 ล้านคน หากช่วยกันซื้อข้าว คนละ 10-20 กิโลกรัม เพียงเท่านี้เกษตรกรก็จะสามารถฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ และนอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางการซื้ออื่นๆ เพื่อช่วยเหลือชาวนาอีกหลายช่องทาง เช่น การสั่งซื้อข้าวทางสื่อ Online ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ
มาที่ ดร.มนัส ชูผกา ผู้จัดการอาวุโสทั่วไปสายบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด ได้กล่าวว่า “นอกจากการจัดงานฯ ข้างต้นแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้มีการจัดทำโครงการหงษ์ทองนาหยอด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาพันธุ์ข้าวห้อมมะลิ ซึ่งได้สอดคล้องกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้พระราชทานแก่ผู้นำกลุ่มชาวนา เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2508 นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดต้นทุนในการทำนา ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พยายามหาวิธีการตอบโจทย์ด้วยการทำนาหลายหลายวิธี จนในที่สุดได้ค้นพบว่าการทำนาหยอดแบบแห้ง เป็นวิธีการที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะช่วยลดต้นทุนการปลูกข้าวเพราะใช้เมล็ดพันธุ์น้อยเพียง 10 กิโลกรัมต่อไร่ จากเดิมในอดีตที่เกษตรกรทำนาหว่าน ต้องใช้เมล็ดพันธ์ถึง 25-35 กิโลกรัมต่อไร่ และยังต่อเสียค่ายาปราบศัตรูพืชและค่าปุ๋ยเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกษตรกรมีต้นทุนในการปลุกข้าวที่สูง นอกจากนี้การปลูกข้าวนาหยอด ยังช่วยให้เมล็ดพันธุ์มีอัตราการงอดที่ดี ข้าวไม่ถูกทำลายด้วยสัตว์และแมลง เมื่อฝนตกจะมีอัตราการงอกสูง ซึ่งนาหยอดจะใช้หลักการเดียวกับนาดำ ผลผลิตที่ได้จึงขึ้นเรียงกันเป็นเป็นแนว สามารถบริหารจัดการวัชพืชได้ง่าย มองเห็นต้นข้าวและคำนวณการให้ปุ๋ยได้ชัดเจน และต้นข้าวแตกกอได้ดีเพราะไม่แน่นจนเกินไป และปริมาณข้าวออกรวงจะสูงและมีเมล็ดที่สวยงาม
You must be logged in to post a comment Login