- อย่าไปอินPosted 8 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
จับตาปรับครม.
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีข่าวออกมาเป็นระยะก่อนหน้านี้ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจึงต้องยื้อกันมาพักใหญ่ แต่ถึงตอนนี้ทางเปิดโล่งให้ดำเนินการได้แล้ว
ทางเปิดโล่งเพราะวันนี้ประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ทางเปิดโล่งเพราะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลทหารคสช. 2 คนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้เป็นองคมนตรี นั่นคือ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เเละ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ในปัจจุบัน มาตรา 14 บัญญัติเอาไว้ชัดเจนว่าองคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ
หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ทั้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ทันที เพื่อแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้เก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง 2 ตำแหน่ง ต้องหาคนมาทำงานแทน
น่าสนใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเลือกใครมาทำงานแทนทั้งสองคน และน่าสนใจว่าการปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นการปรับเปลี่ยนเพียง 2 ตำแหน่งที่ว่างลง หรือว่าปรับเปลี่ยนมากกว่านั้น
ความน่าสนใจประการแรก คือ คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนคนที่พ้นจากตำแหน่งไป โดยต้องโฟกัสไปที่เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มีเรื่องร้อนที่สังคมให้ความสนใจจับตาอยู่คือการนำตัวพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่ฟ้องศาลตามคำสั่งของอัยการ
ทั้งนี้ เนื่องจากหน่วยงานรับผิดชอบหลักและเป็นเจ้าของคดีนี้คือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ไพบูลย์ ส่งสัญญาณให้ดีเอสไอใส่เกียร์เดินหน้าเต็มตัวในเรื่องนี้ เพื่อนำพระธัมมชโยมาดำเนินคดีในชั้นศาลให้ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่าหลายคนมีความเป็นห่วงหากจะใช้ไม้แข็งบุกเข้าจับตัวพระธัมมชโยถึงในวัดพระธรรมกายว่าอาจจะเป็นชนวนทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง เพราะศิษย์ของพระธัมมชโยนั้นมีจำนวนมาก อาจเกิดการกระทบกระทั่ง การวางตัวคนที่จะเข้ามาคุมกระทรวงยุติธรรมจึงต้องพิจารณาว่าจะส่งสายแข็งเข้ามารับช่วงต่อ หรือว่าส่งสายอ่อนถนัดการเจรจาประนีประนอมเข้ามารับเผือกร้อนก้อนนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับท่านผู้นำว่าจะมีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร เพราะคนที่จะเข้ามานั่งคุมกระทรวงยุติธรรมจะได้รับแรงกดดันจากทั้งฝ่ายที่ต้องการให้บุกจับพระธัมมชโย กับฝ่ายที่ไม่ต้องการให้จับกุมตัว
แน่นอนว่าบุคลิกและแนวทางการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่จะส่งผลต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นโดยรวมของรัฐบาลด้วย
นอกจากความน่าสนใจในตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว ยังมีความน่าสนใจตรงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถือโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในตำแหน่งอื่นเพื่อทำการรีเฟรชรัฐบาลให้มีความสดชื่นขึ้นหรือไม่ หลังจากการทำงานที่ผ่านมามีแต่ทรงกับทรุด ผลงานไม่เป็นที่ประทับใจของประชาชนเท่าที่ควร
You must be logged in to post a comment Login