วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

3ปีสะท้อนอะไร?

On December 21, 2016

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ในระหว่างที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)กำลังยกเครื่องกฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายแม่หรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กกต.ชุดปัจจุบันได้นั่งทำงานมาแล้ว 3 ปี

ในโอกาสนี้ กกต.ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิช รัตนเพียร และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้ร่วมกันแถลงโชว์ผลงานในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

กกต.ชุดนี้เข้าทำหน้าที่อย่างเป็นทางการเมืองเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2556 เข้ามาในช่วงที่ความขัดแย้งทางการเมืองกำลังสุกงอมเต็มที่จนนำไปสู่การยุบสภาเพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557

แต่ไม่สามารถจัดเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของกกต.ในช่วงนั้นคิดว่าหลายคนคงจำได้ดีว่าเป็นอย่างไร

การที่ไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ในบางพื้นที่ทำให้ถูกนำไปฟ้องร้องต่อศาลจนถูกสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะไม่ได้เป็นการจัดเลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

หลังเลือกตั้งเป็นโมฆะนำไปสู่การรัฐประหารยึดอำนาจในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2557 แต่กกต.ยังได้ทำหน้าที่ต่อ สรุปว่าตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่กกต.ยังจัดเลือกตั้งไม่สำเร็จเลยสักครั้ง และยังได้นั่งเก้าอี้เดิมทำงานต่อไปแม้จะไม่มีการเลือกตั้งก็ตาม

คำถามคือกกต.เอาผลงานอะไรมาแถลงในโอกาสนั่งทำงานครบ 3 ปี การจัดเลือกตั้งที่ล้มเหลวถือเป็นผลงานด้วยหรือไม่

จากที่ฟังการแถลงของกกต.สรุปได้ว่าผลงานที่นำมาอวดในครั้งนี้ประกอบด้วยการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีการเลือกตั้งวางรากฐานสร้างความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนมีความตื่นตัวเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น เร่งรัดสร้างทหารเสือ กกต.เผยแพร่ความรู้ให้ประชาชน และนำเทคโนโลยีมารองรับการเลือกตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน

ส่วนการทำงานในขวบปีที่ 4 นั้น กกต.กำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 เรื่อง คือ 1.สร้างเครือข่ายป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง 2.พัฒนาศักยภาพนักจัดการเลือกตั้งมืออาชีพ 3.จัดตั้งหมู่บ้านปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง 4.เพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกประชาชน และ 5.เพิ่มประสิทธิภาพสืบสวนสอบสวนวินิจฉัยและการดำเนินคดีในศาล

ฟังดูแล้วก็ดี

แต่มีคำถามว่าสิ่งที่กกต.แถลงออกมานั้นใครเป็นผู้ประเมินผลความสำเร็จในการทำงาน

สิ่งที่กกต.นำมาแถลงเป็นการพูดเองเออเองทั้งสิ้นว่าได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่ของใคร เป็นที่พอใจของกกต.เองหรือว่าเป็นที่พอใจของประชาชนทั่วไป

ในโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายกกต.ใหม่ เท่าที่เห็นจะมีการเปลี่ยนในแง่ของการเพิ่มอำนาจให้กับกกต.มากขึ้น โดยใช้คำว่าติดดาบ

ในความหมายคือให้ดาบกับกกต.ไปฟาดฟันกับพวกทุจริตเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใสเป็นธรรม สิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือกำหนดให้กกต.ตั้งงบประมาณลับเพื่อใช้ในการสืบสวนหาข่าวการทุจริตได้ และให้กกต.เปิดรับเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการทำงานได้

ประเด็นที่น่าท้วงติงคือเราคิดแต่จะเพิ่มอำนาจเพิ่มงบประมาณให้กับกกต. โดยคิดว่ากกต.คือความหวังเดียวที่จะทำให้การเมืองโปร่งใสเป็นธรรม

แต่สิ่งที่เราไม่คิดจะทำเลยคือการวางระบบตรวจสอบประเมินผลการทำงานของกกต.และองค์กรอิสระทุกองค์กร

เมื่อไม่มีระบบตรวจสอบประเมินผลการทำงานเมื่อถึงเวลาก็จะเห็นกรรมการองค์กรอิสระมานั่งลอยตาลอยตาแถลงผลงานในโอกาสต่างๆโดยที่ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันได้เลยว่าผลงานที่นำมาอวดอ้างนั้นมีความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายอย่างที่ว่าจริงหรือไม่ การทำงานช่วงที่ผ่านมามีประสิทธิภาพ มีผลงานคุ้มค่าต่องบประมาณที่ต้องเสียไปแต่ละปีหรือไม่

ก็เหมือนกับที่กกต.มานั่งแถลงผลงานในโอกาสทำงานครบรอบ 3 ปี ลองทำใจร่มๆแล้วถามตัวเองดูว่ารู้สึกหรือสัมผัสได้กับผลงานของกกต.อย่างที่นำมาแถลงยืดยาวเป็นห่างว่าวนี้หรือไม่

องค์กรอิสระควรเป็นอิสระแค่การทำงานเพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซงจนขาดความเป็นกลางเป็นธรรม แต่ไม่ควรเป็นอิสระจากการตรวจสอบประเมินผลการทำงาน


You must be logged in to post a comment Login