วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แพ้หรือชนะก็ได้? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On December 26, 2016

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

เมื่อเร็วๆนี้ได้ไปศาลนนทบุรี และเพิ่งได้เห็นว่าคนไทยเสียเวลาไปกับเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลแค่ไหน คดีมรดกบ้าง โกงและอะไรต่างๆ ต่างคนต่างหาทนายไปสู้กัน ทนายมาบ้างไม่มาบ้าง เสียเวลาโต้เถียงไปบ้าง รวมแล้วคนไทยเสียเวลาไปกับเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้ง คัดค้าน ผู้ชนะจะเป็นผู้เดียวคือทนาย แพ้ทนายก็ได้ เสียทนายก็ได้ ที่บอกว่าเป็นทนายอาสา ทนายช่วยคนจน อาตมาคิดว่าคงเหลือไม่กี่คนในประเทศไทย มีคุณสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คนหนึ่งล่ะ

อาตมาเจอคู่กรณีอารมณ์เสีย พูดด่าใส่เอาเลย คือเขาไม่รู้ว่าอาตมาเป็นทั้งเจ้าอาวาสและประธานมูลนิธิในคนเดียวกัน ไม่ได้สมคบกันคิดชั่วคิดร้าย การซื้อที่ดินที่เขาบอกว่าไม่เกี่ยวกับวัด เป็นเรื่องของมูลนิธิ ความจริงมูลนิธิซื้อในนามวัด เพราะตั้งขึ้นมาด้วยวัด ไม่ใช่วัดถูกมูลนิธิตั้ง เราโดนใส่เอาแรงๆ แต่มานึกถึงว่าคนอายุมากๆเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลก็อารมณ์เสีย เพราะกลัวจะแพ้ กลัวจะเสียประโยชน์ ศาลให้ประนีประนอมรอมชอม อาตมาเชื่อว่าคงไม่ยอมกัน ทนายก็มีงานทำต่อไป แพ้ชนะทนายก็ยังได้อยู่ดี สุภาษิตจีนเขาว่า “ค้าความกินขี้หมายังดีกว่า เพราะล้างปากเดี๋ยวเดียวก็หมด”

ขึ้นศาลต้องสาบานว่าจะพูดแต่ความจริง ถ้าพูดเท็จขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน แช่งตัวเองกันทั้งนั้น อาตมาคิดว่าคงมีคนพูดเท็จเยอะ เพราะคดีต่างๆรู้กันว่าจะแพ้จะชนะก็เอาเทคนิคมาสู้ สำนวนทนายบอกว่ารูปคดี ที่กลัวคือวิ่งเต้นกันมาก สู้คดีตามรูปแบบสำนวนมันน่าจะชนะ แต่ก็แพ้เพราะวิ่งนี่แหละ

เลยมาชวนกันคิดว่า ปี 2560 อย่าก่อคดี อย่ามีเรื่องพิพาทต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลย เสียเวลา เสียอารมณ์ เสียงาน เห็นคนเต็มศาลไปหมด วันหนึ่งๆแทนที่จะทำงานก็ต้องไปอยู่ที่ศาล กว่าจะเรียก กว่าคดีจะเสร็จ ต้องคอยกันนานแสนนาน

หน่วยงานราชการจึงต้องคิดบริการประชาชน สงสารประชาชนที่เสียเวลาทำมาหากิน ถ้าเป็นหัวหน้าครอบครัว ลูกและภรรยาจะกินอะไร จะอยู่อย่างไร เมื่อหัวหน้าครอบครัวต้องไปอยู่ที่ศาล ไม่ได้ทำมาหากิน จึงอยากนำมาสะท้อนให้สังคมไทยฟังว่า เราก่อเรื่องจนเสียโอกาสของบ้านเมืองในการพัฒนา ขัดแย้งกันจนคดีรกศาลไปหมด

สังเกตดูไม่ค่อยอยากไกล่เกลี่ยประนีประนอมรอมชอมกัน แต่อยากจะชนะ แต่คดีอาตมานี่อาจจะแปลกที่สุดในโลกก็ได้ เพราะชนะก็ได้ แพ้ก็ดี เอาไว้เล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้แย้มไว้นิดหนึ่ง ถ้าเราพูดอะไรไปแล้วศาลบอกว่าคำพูดของพระไม่มีน้ำหนัก ไม่น่ารับฟัง เราจะได้รู้ว่าเดี๋ยวนี้เรากลายเป็นพระพูดจาไม่มีน้ำหนัก ศาลไม่รับฟัง แล้วจะเสียเวลาไปเทศน์ให้เขาฟังทำไม เราก็แฮปปี้ สบายในบั้นปลายชีวิต ไม่ต้องรับกิจนิมนต์เทศน์ เพราะทำมาเยอะแล้ว เทศน์มาเยอะแล้ว ทำให้มองว่าเราควรจะยุติบทบาทรับงานเทศน์ได้แล้ว โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่เกี่ยวกับเรื่องยุติธรรม เสียเวลาไปพูดให้เขาตั้ง 2-3 ชั่วโมง ศึกษาค้นคว้ามาแทบแย่ แต่คำพูดหรือข้อมูลเราอาจเป็นหลุมดำให้ศาลไม่เชื่อเรา ไปเชื่ออีกฝ่ายหนึ่ง

อาตมามานั่งคิด ถ้าอย่างนี้ก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่มีคำว่าแพ้แล้วเสียตะพืดตะพือ เสียเวลา เสียเงิน เสียค่าจ้างทนาย อาตมาอาจเป็นคดีแรกของโลกก็ได้ที่แพ้แล้วทำให้บั้นปลายชีวิตสบาย ไม่ต้องเหนื่อยไปสอนไปเทศน์ให้ใครฟัง ขอบอกไว้เลยว่า ถ้าแพ้ครั้งนี้ใครอย่ามาเสนอขายและบริจาคที่ดินให้เสียค่าโอนแม้แต่บาทเดียว ที่ดิน 100-200 ไร่ก็ไม่รับ เพราะกลัวกฎหมายไทย รับแล้วไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนอะไร อาจโดนหนักกว่าธรรมกายก็ได้

คิดมุมนี้กลายเป็นว่าสวรรค์โปรดชีวิตบั้นปลาย บั้นปลายชีวิตมาทำในสิ่งที่เราควรจะทำ ปลูกต้นไม้วันละ 10 ต้น โลกก็ร่มเย็น ทำแล้วเดือดร้อนเสียหายเพราะกฎหมาย อย่างที่คุณแอ๊ด คาราบาว เคยร้องว่า เกิดเป็นคนไทยระวังจะเป็นผู้ถูกกระทำให้เสียหาย แม้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบราชการอย่างโปร่งใส ญาติโยมไม่ต้องเป็นห่วงว่าบั้นปลายชีวิตของอาตมาจะทุกข์ระทม ขมขื่น เหน็ดเหนื่อย กลับสบายกว่ากันเยอะเลย เอาคำนี้เป็นคำสุดท้ายก็แล้วกัน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login