วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แช่แข็งประเทศไทย! / โดย Pegasus

On December 26, 2016

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus

ในที่สุด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ก็กำลังจะมีผลบังคับใช้ เหตุผลสำคัญที่รัฐบาลแถลงคือเรื่องหมิ่นสถาบัน ซึ่งถูกใช้เป็นเหตุผลทางการเมืองมาตลอดเหมือนการทำรัฐประหาร เช่นเดียวกับสูตรสำเร็จว่านักการเมืองโกงกินและล้มล้างสถาบัน หรืออะไรก็ว่ากันไป โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตช์ เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้

สิ่งที่ควรคำนึงกันก็คือ เหตุผลที่ต้องแช่แข็งประเทศไทยต่างหาก ถ้าจำ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ได้ เสธ.อ้ายเฉลยเองว่าการปลุกม็อบให้คนออกมาล้มรัฐบาลคือเป้าหมายเพื่อ “แช่แข็งประเทศไทย” 10-20 ปีก็ว่ากันไป มาถึงตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แช่แข็งห้ามเปลี่ยนแปลงอะไรไปนานๆ กลไกและกฎหมายต่างๆ รวมถึงการต่ออายุข้าราชการฝ่ายต่างๆก็เพื่อรองรับแผนการนี้ ไม่ให้คนรุ่นใหม่ที่หัวดีกว่ามาล้มล้างความตั้งใจของคนชราเหล่านี้ได้

การแช่แข็งนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องตามจับคนหมิ่นสถาบัน เพราะไม่ได้ซับซ้อนถึงขนาดต้องล้วงความลับทางธุรกิจของคนทั่วไป ตามกฎหมายเดิมแค่ร้องขอต่อศาลก็ได้แล้ว เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้เจ้าหน้าที่มีโอกาสเรียกรับสินบนการรักษาความลับให้องค์กรธุรกิจที่คุ้นเคยมากกว่า

มาถึงขณะนี้ความหวังให้การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาดูเป็นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว เพราะทุกบริษัทก็ต้องระวังข้อมูลของตัวเองไม่ให้บริษัทคู่แข่งล้วงไปได้ แต่เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้หลักฐานอะไรให้ยุ่งยาก ใช้แค่ความรู้สึก นับแต่นี้ไปอาจมีการเรียกรับสินบนกันเป็นการมากมายจากผู้คุมระบบ

ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทใหญ่ๆของไทยมักจะจับกลุ่มกันเหนียวแน่น ซึ่งเป็นของชนชั้นนำที่พวกข้าราชการเกรงใจ อาจเพราะต้องดูแลกันหรือมีผลประโยชน์ร่วมกันก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆคือ บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและเครือข่ายบริวารจะมีอำนาจเหนือข้อมูลของคู่แข่งขัน เช่นเรื่องธุรกรรมทางการเงิน โดยอ้างว่าเป็นการสืบสวนตามปรกติ แต่ข้อมูลได้รั่วไปยังคู่แข่งทางการค้าโดยมีค่าตอบแทนติดปลายนวม ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้

สิ่งที่ภาคเอกชนไทยได้เปรียบจากกฎหมายนี้คือ การทำธุรกิจแบบผูกขาด เพราะไร้คู่แข่งค่อนข้างแน่นอน การแบ่งเค้กกันจะเกิดขึ้น หลังจากนั้นสินค้าทุกอย่างจะขึ้นราคาเพราะไร้คู่แข่ง สินค้าหนีภาษีจะมากขึ้น เพราะคุณภาพดีกว่าพวกที่ขายในตลาด

เว็บไซต์ต่างๆที่สามารถเข้าได้โดยเสรีจะถูกบล็อกมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะเหลือแต่เว็บหรือแอพฯที่ยอมร่วมมือกับรัฐบาลหรือที่รัฐบาลและบริวารสร้างขึ้นมาทดแทนเหมือนในจีนและเกาหลีเหนือ ทำให้ภาคเอกชนที่ได้รับสัมปทานทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ

ประชาชนจะได้อะไร สิ่งแรกคือได้อินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำกว่าเดิม ซึ่งปรกติก็แย่อยู่แล้ว ช้ากว่าอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ ประชาชนจะเชื่อใจสถาบันการเงินน้อยลง จะเก็บเงินเองมากขึ้น เศรษฐกิจจะฝืดเคืองมากขึ้น เรื่องนี้จะเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยิ่งธุรกิจที่สายป่านน้อยๆ กลุ่มที่เพิ่งตั้งใหม่จะไม่สามารถแข่งขันได้ ต้องปิดกิจการหรือย้ายไปประเทศเพื่อนบ้านแทน

ความคิดสร้างสรรค์จะลดลงเพราะถูกเซ็นเซอร์ ทำให้นวัตกรรมใหม่ๆเป็นไปได้ยาก อาจเหลือนวัตกรรมบางประเภทที่ตกค้างจากยุคก่อน สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงจากการออกแบบและการใช้งานจะหายไป เหลือแต่สินค้าตามปรกติ
เมื่อทั้งภาคเอกชนและประชาชนส่วนใหญ่มีแต่เสียประโยชน์ ไร้สิทธิเสรีภาพ ก็จะเกิดการประหยัดโดยไม่จำเป็น นั่นก็คือจุดจบของการทำธุรกิจในระยะยาว

ส่วนข้อดีของการดูแลและควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ก็คือ การตรวจจับผู้ที่จะเข้ามาก่อการร้ายหรือก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่จะเป็นภัยร้ายแรงกับประเทศและธุรกิจต่างๆ ปัญหาคือลูกค้าจะมีความมั่นใจและเชื่อถือภาครัฐได้มากแค่ไหนว่าจะทำเฉพาะที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดเท่านั้น

ผลของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่จะเป็นอย่างไร เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง แต่เงื่อนไขทางกฎหมายและแนวทางที่เป็นสากลก็คาดว่าจะกระทบต่อธุรกิจจำนวนไม่น้อยทีเดียว


You must be logged in to post a comment Login