วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โลกสู่ยุคการเมืองโกหก? / โดย ณ สันมหาพล

On January 2, 2017

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

ทิ้งท้ายเรื่องนครแห่งจักรยาน พอดีมีการเมืองโลกที่น่าสนใจและเป็นกระแสใหญ่ขณะนี้คือ การโกหกของการเมืองโลก ซึ่งเป็นการวิเคราะห์กระแสต่างๆจากความเคลื่อนไหว วิวาทะที่โต้เถียงและการอภิปรายต่างๆทำให้เห็นการโกหกของการเมืองโลกที่มาจากคำว่า “post-truth politics”

ผู้สันทัดกรณีจำนวนมากเชื่อว่าการเมืองในโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่ยึดมั่นในความจริง ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และเห็นแก่ส่วนรวม มาสู่ยุคของความเท็จ ความฉ้อฉล ความไม่จริงใจ และความเห็นแก่ตัว เห็นได้ชัดเจนจาก 2 มหาอำนาจโลกที่ทำให้ประเทศทั่วโลกต้องปรับตัวและย้อนกลับสู่การเมืองยุคดึกดำบรรพ์

โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่ได้ชื่อว่ามีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งที่สุดและประชาชนเข้าใจระบอบประชาธิปไตยมากที่สุด แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้มีคำถามมากมายว่าทำไมผู้ได้ชัยชนะกลับเป็นนักการเมืองที่ไม่มีประสบการณ์และไม่มีผลงานใดๆทางการเมืองเลยเหมือนมือใหม่หัดขับ

หนึ่งในชัยชนะของทรัมป์ที่มีการวิเคราะห์กันคือ การใช้ข้อมูลข่าวสารโฆษณาชวนเชื่อและบิดเบือนเพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิออกเสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในการเลือกตั้งทุกประเทศและทุกยุคทุกสมัย แต่ที่แปลกและน่าสนใจอย่างยิ่งคือ ความเจริญของโลกข่าวสารที่มีการพัฒนากรรมวิธีและวิทยาการหลากหลายรูปแบบ ทั้งความรวดเร็วทันใจ ความลุ่มลึก และความมันในการอ่าน ฟัง และชมสดผ่านช่องทางต่างๆ จนผู้คนพากันหลงใหลและติดตามอย่างใกล้ชิด

ความเจริญของเทคโนโลยีทำให้เป็นโอกาสของผู้มีความสามารถในการแสดงออกทั้งการปราศรัยและบุคลิก โดยเฉพาะการเป็นนักการเมืองโกหกชั้นยอด ซึ่งมนุษย์ทุกคนมีความโกรธ โลภ และหลง เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว โดยใช้ความรักและความเกลียดชังมาเป็นตัวเชื่อม

นักการเมืองต่างรู้ดีถึงศิลปะในการหาเสียงว่าต้องเข้าใจประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงในแต่ละพื้นที่ว่ารักและเกลียดอะไร มีทีมงานทำหน้าที่รวบรวมเพื่อให้นักการเมืองนำมาพูดหรือประกาศเป็นนโยบาย ซึ่งทรัมป์ก็ใช้วิธีนี้ แต่เพิ่มความรักและความเกลียดชังให้รุนแรงยิ่งขึ้นคือ ถ้ารักก็ทำให้รักแบบบ้าคลั่ง เช่น คลั่งชาติ คลั่งสีผิว คลั่งชาติพันธุ์ และคลั่งศาสนา ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในประวัติมนุษยชาติก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง

ทรัมป์สามารถยกระดับความรักและความเกลียดระหว่างเส้นคั่นทางศีลธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติ แม้กระทั่งกฎหมาย เช่น กรณีไม่ให้คนมุสลิมเข้าประเทศ การสร้างกำแพงกั้นชายแดนเพื่อป้องกันผู้อพยพผิดกฎหมาย การลิดรอนสิทธิพลเมือง โดยเฉพาะสตรี ฯลฯ ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าพูดกล้าคิดเช่นนี้ โดยเฉพาะในสหรัฐที่ถือเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ

จึงไม่แปลกที่คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยและหลายองค์กรประกาศต่อต้านทรัมป์ ซึ่งประชาชนต่างก็ฝากความหวังไว้ที่สื่อในการทำหน้าที่เพื่อสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะสื่อระดับโลกและสื่อออนไลน์ ทำให้ยอดการจำหน่ายของหลายสื่อเพิ่มขึ้น และการโจมตีเป็นข่าวปรากฏไปทั่วโลก

ฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายต่อต้านต่างก็ห้ำหั่นกันจนเป็นเรื่องปรกติในสหรัฐขณะนี้ ซึ่งทั้งหมดมาจากความรักและความเกลียดที่ทรัมป์ปลุกระดมขึ้นมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากความเก็บกดที่มีมาช้านานในหมู่คนอเมริกัน โดยเฉพาะคนผิวขาวที่ไม่พึงพอใจนโยบายของรัฐบาลหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิพิเศษแก่คนกลุ่มน้อยจนกระทบสิทธิคนอเมริกัน เรื่องครูในโรงเรียนย่านคนจน และคนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช่แค่สิทธิที่ได้รับต่างๆ แต่ยังเป็นเรื่องการแย่งงานทำ จนกลายเป็นความไม่พอใจของผู้อพยพที่มีฐานะดี อย่างชาวจีนที่กำลังหลั่งไหลเข้าไปในสหรัฐ ทำให้พรรครีพับลิกันมีชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครต

ปรากฏการณ์การเมืองโกหกไม่ได้คุกคามเฉพาะสหรัฐ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่อังกฤษก็มีปรากฏการณ์ “Brexit” ซึ่งทำให้อังกฤษต้องออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ทำให้ไม่ใช่เฉพาะคนอังกฤษเท่านั้นที่ช็อก แต่ทั่วโลกก็ช็อกกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะเห็นชัดเจนว่าอังกฤษได้รับผลกระทบไม่น้อย

ที่น่าสนใจคือ ป้ายที่ติดอยู่ทั่วประเทศว่าหากอังกฤษยังเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปก็จะต้องจ่ายเงินปีละเกือบ 20,000 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นข้อความเท็จ แต่ผู้มีสิทธิส่วนใหญ่ไม่สนใจ ไม่ต่างกับคนอเมริกันที่แห่กันลงคะแนนให้ทรัมป์เพราะความเก็บกดที่มีมานานในหลายเรื่อง

การเมืองยุคต่อไปนี้จึงไม่ใช่เรื่องของความจริงหรือความซื่อสัตย์ แต่จะเป็นความฉ้อฉลและการโกหกที่จะระบาดไปทั่วโลก โดยเฉพาะการเลือกตั้งในหลายประเทศในยุโรปอาจมีนักการเมืองใช้วิธีเดียวกับทรัมป์เพื่อก้าวสู่อำนาจ

ประเทศไทยก็จะมีการเลือกตั้งอีกไม่นานนี้ แม้จะมีรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายฉบับเพื่อไม่ให้นักการเมืองไม่ดีเข้ามา แต่จะเป็นไปได้หรือไม่หากบ้านเมืองยังอยู่ภายใต้ระบบทุนและกลุ่มอำนาจไม่กี่กลุ่ม ซึ่งนักการเมืองและกลุ่มทุนสามารถใช้ข้อมูลข่าวลวงที่ทันสมัยเป็นเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ


You must be logged in to post a comment Login