- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 9 hours ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 2 days ago
- อย่าไปอินPosted 5 days ago
- ปีดับคนดังPosted 5 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 7 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
มันจบแล้วครับ? / โดย Pegasus
คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus
บางคนอาจมองว่าสถานการณ์ทางการเมืองดูไม่เป็นมิตรกับฝ่ายประชาธิปไตยเลย แต่ถ้าพิจารณาดีๆจะพบว่าเรื่องต่างๆค่อยๆคลี่คลายไปตามที่ควรจะเป็นพอสมควร สื่อความหมายว่าช่วงเวลาในการรักษาอำนาจใกล้จะหมดแล้ว หลายภาคส่วนทางการเมืองก็พยายามวางตัวเองเป็นผู้ดูมากกว่า หากมีอะไรขึ้นจะได้มีคำตอบสวนว่า “มันจบแล้วครับ”
คำว่า “มันจบแล้วครับ” อาจดูเหมือนเรื่องเล่นๆ แต่เมื่อกระแสความคิดของประชาชน นักการเมือง และข้าราชการส่วนใหญ่ เหมือนจะไปในทางเดียวกัน ผลที่เกิดขึ้นก็มีน้ำหนักมาก เพราะเหมือนทุกคนรอคอยโอกาสกันหมด สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็คือ ธนาคารและภาคเอกชนใช้คำว่า “รอคอยและคอยดู” มาตลอดเวลา 3 ปี จนรัฐบาลต้องออกมาต่อว่า นับเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนกว่าการใช้แถลงการณ์หรือโพลใดๆมาโฆษณาเป็นอย่างมาก
เมื่อภาคเอกชนหยุดการลงทุนหรือย้ายฐานการผลิต ภาคราชการทำงานเรื่อยๆไปตามระบบ นักการเมืองจับกลุ่มเตรียมการเลือกตั้ง บางส่วนก็ตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนทหาร บางส่วนก็ตั้งพรรคเองเพราะรู้ว่าเชียร์ทหารก็จะออกตัวมากเกินไป รอเวลาดีๆค่อยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ดีกว่า ทั้งหมดส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ไม่ใช่ปลายปี หรือถ้าเลื่อนไปปีหน้าก็ต้องมีการอ้างเหตุจำเป็นต่างๆอย่างที่ฝ่ายผู้มีอำนาจตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม มีความพยายามปล่อยข่าวว่าฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการจะอยู่ต่อนานกว่าที่เป็นข่าว หรืออาจอยู่กันยาวนานภายใต้อำนาจรัฐประหาร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่กับงานสำคัญของชาติในปลายปีหน้า และจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะด้วยเหตุใดก็คงจะคาดเดาได้ จึงไม่จำเป็นต้องขยายความใดๆ
เรื่องสำคัญประการหนึ่งคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะแก้ไขอะไรไม่ได้มากนัก เพราะนักลงทุนต่างประเทศรอให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองก่อน ประเทศที่สนิทชิดเชื้อก็ดูห่างเหินไปโดยบุคคลภายนอกไม่ทราบสาเหตุ ทำให้การลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่ไม่มีความคืบหน้า แม้จะผ่านมาแล้วหลายปี การลงทุนใหม่ของภาครัฐก็ยังมีแต่โครงการขนาดเล็ก
การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปีใหม่ แม้จะพยายามออกมาตรการต่างๆก็มีการหมุนเวียนเงินไม่มาก เพราะให้ความสำคัญกับศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านขนาดใหญ่มากเกินไป เม็ดเงินจึงหมุนเวียนไม่มากนัก กลายเป็นประโยชน์ให้กับนายทุนมากกว่าประชาชนทั่วไป
ภาวะแวดล้อมต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกี่ยวกับภาครัฐและนอกภาครัฐ ล้วนแต่บังคับให้ทุกคนมีความคาดหวังต่อการเมืองของรัฐบาลว่าควรถึงเวลาที่จะยุติบทบาทได้แล้ว และจัดการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญคือทางออกที่ดีขณะนี้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนขึ้นในบริบทที่ต่างไปจากปัจจุบันก็เข้าใจว่าเป็นการเตรียมการเรื่องสำคัญไว้ล่วงหน้านั่นเอง เมื่อผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวไปแล้ว ความจำเป็นที่ต้องมีรัฐธรรมนูญหรืออำนาจรัฐต่างๆอย่างที่พยายามเขียนขึ้นก็หมดไป
เมื่อเหตุการณ์ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม บีบบังคับอย่างชัดเจนเช่นนี้ ก็ไม่ยากที่ทุกคนจะต้องแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเวลาการปกครองภายใต้การรัฐประหารและเครื่องมือกลไกต่างๆนั้นหมดเวลาแล้ว
การบอกกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ แม้ความหมายจะไม่ตรงกันนักก็คือ “มันจบแล้วครับ”!
You must be logged in to post a comment Login