- อย่าไปอินPosted 14 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เซอร์ไพรส์!
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
การก่อกำเนิดของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองเพื่อขับเคลื่อนงานให้สัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 ไม่ให้ปฏิวัติเสียของอย่างที่พูดกัน ซึ่งเป็นการตั้งขึ้นมาในช่วงโค้งสุดท้ายของการอยู่ในอำนาจตามโรดแม็พถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ
น่าสนใจตรงที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั่งหัวเรือคุมการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองด้วยตัวเอง
ภายในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองแบ่งการทำงานออกเป็น 4 ชุดย่อย ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี 2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ 3.คณะกรรมการปรองดอง และ 4.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ โดยมีสำนักงานบริหารยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองเป็นผู้กำกับทิศทางการทำงานไม่เกิดความซ้ำซ้อน และทำหน้าที่บูรณาการสิ่งที่ได้จาก 4 คณะย่อยเข้าด้วย
ดูเหมือนว่า “บิ๊กตู่” จะจริงจังกับเรื่องนี้ โดยต้องการให้มีตัวชี้วัดการทำงานที่เป็นรูปธรรม และให้วางยุทธศาสตร์ดำเนินการเพื่อให้สัมฤทธิ์ตามเป้าหมายทุก 5 ปี
หมายความว่าในทุก 5 ปีต้องมีความก้าวหน้าในการทำงาน เปรียบง่ายๆคือทุก 5 ปีการสร้างความปรองดองและการปฏิรูปต้องมีความคืบหน้า 1 ก้าว
อย่างไรก็ตาม หากดูตามอายุของรัฐบาลจะเหลืออีกประมาณ 1 ปีเศษๆ ดังนั้นเพื่อให้เห็นว่าตั้งใจจริงที่จะสร้างความปรองดอง ก่อนลงจากอำนาจจึงจะสร้างความฮือฮาฝากเอาไว้เป็นผลงานสักเรื่องสองเรื่อง
ส่วนจะฮือฮาแค่ไหน อย่างไร ข่าวว่าให้อดใจรออีกนิดจะได้เห็นพร้อมกันในเร็วๆวันนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหลังการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของแต่ละกลุ่มในสัปดาห์นี้แล้วน่าจะพอมองเห็นแนวทางพอสมควร
เบื้องต้นมีคำขอความร่วมมือจากกลุ่มเห็นต่างว่าการกิจกรรมต่างๆ ควรอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง
ทั้งที่เราต้องยอมรับความจริงกันว่าหลังรัฐประหารแม้จะดูเหมือนบ้านเมืองสงบ แต่เป็นการสงบแค่เปลือกนอก ข้างในไม่ได้สงบอย่างที่เห็น ความขัดแย้ง การแบ่งแยกแบ่งฝ่ายยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ได้จืดจางลง และพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรามีคณะกรรมการขึ้นมาทำงานสร้างความสมานฉันท์ปรองดองแล้วไม่รู้กี่คณะ มีผลการศึกษาวางอยู่บนโต๊ะมากมาย แต่กลับไม่ถูกนำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น
การตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง แม้จะมี “บิ๊กตู่” นั่งหัวเรือคุมการกำหนดทิศทางเองทำให้ประชาชนไม่ตื่นเต้นและไม่ตั้งความหวังอะไรกับการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้
หากไม่มีข้อสรุป ไม่มีผลงานที่นำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมเมื่อถึงวันลงจากอำนาจความสงบที่เห็นก็จะปะทุขึ้นอีกแน่นอน
การสร้างความสมานฉันท์ปรองดองและการปฏิรูปหากต้องการให้เห็นเป็นรูปธรรมมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้พลังอำนาจพิเศษที่ “บิ๊กตู่” มีอยู่ เพราะถ้ากลไกปรกติ กระบวนการปรกติรับประกันซ่อมฟรีว่ารัฐประหารเที่ยวนี้เสียของแน่นอน
อยู่ที่ว่า “บิ๊กตู่” จะกล้าใช้พลังพิเศษเสกให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์ปรองดองหรือไม่ หรือจะเลือกลงจากอำนาจไปโดยปล่อยให้บ้านเมืองกลับไปขัดแย้งแตกแยกเหมือนเดิมหลังเลือกตั้ง
You must be logged in to post a comment Login