วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สุนทรพจน์โอบามา อำลาตำแหน่ง #1 ประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องทำให้เหมือนกันหมด

On January 13, 2017

การกล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งของ บารัก โอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา พูดถึงความสำคัญของเสรีภาพและประชาธิปไตย โดยที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมด และไม่สามารถละเลยซึ่งการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน (เรียบเรียงจาก President Obama farewell address: full text, CNN, 11-01-2017) ดังนี้

ที่มาของภาพประกอบ: whitehouse.gov

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์อำลาก่อนพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา เนื้อหาสุนทรพจน์ฉบับเต็มในช่วงแรกมีดังนี้

สุนทรพจน์อำลาตำแหน่งประธานาธิบดี บารัก โอบามา (ตอนที่ 1)

สวัสดีชิคาโก (ผู้คนปรบมือ) ดีจริงๆ ที่ได้กลับบ้าน (ผู้คนปรบมือ) ขอบคุณทุกคน (ผู้คนปรบมือ) ขอบคุณมากๆ เอาล่ะนั่งลงได้ (ผู้คนปรบมือ) พวกเราออกโทรทัศน์ถ่ายทอดสดกันอยู่ตอนนี้ (ผู้คนปรบมือ) ต้องดำเนินพิธีการต่อไปกันหน่อย (ผู้คนปรบมือ) คุณบอกได้เลยว่าตอนนี้ผมเป็นคนที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งเพราะไม่มีใครทำตามคำสั่งผมอีกแล้ว (ผู้คนหัวเราะ) เอาล่ะทุกคนนั่งลง (ผู้คนปรบมือ)

เพื่อนพ้องชาวอเมริกันของผม (ผู้คนปรบมือ) มิเชลล์และผู้รู้สึกปลื้มปิติอย่างมากจากคำอวยพรที่ดีที่พวกเราได้รับตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในคืนนี้ เป็นตาของผมบ้างแล้วที่จะต้องกล่าวขอบคุณ (ผู้คนปรบมือ) ไม่ว่าพวกคุณจะเห็นพ้องกันหรือแทบจะไม่เห็นด้วยเลย บทสนทนาของผมกับพวกคุณ…ประชาชนชาวอเมริกัน ทั้งในห้องนั่งเล่นและในโรงเรียน ที่ฟาร์มหรือในโรงงาน ที่ร้านอาหารและในค่ายทหารที่อยู่ห่างไกล บทสนทนาพวกนั้นต่างก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังคงซื่อสัตย์และทำให้ผมมีแรงบันดาลใจทำให้ผมก้าวต่อไป และในทุกวันผมก็เรียนรู้จากพวกคุณ พวกคุณทำให้ผมเป็นประธานาธิบดีที่ดีขึ้น และพวกคุณทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น (ผู้คนปรบมือ)

ผมมาที่ชิคาโกครั้งแรกเมื่อผมอายุอยู่ในช่วง 20 ปีต้นๆ และผมก็พยายามค้นหาตัวเองว่าผมเป็นใคร ยังคงค้นหาว่าความหมายของชีวิตผมคืออะไร และมันก็คือย่านชุมชนที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ที่ผมเริ่มทำงานกับกลุ่มในโบสถ์ภายในร่มเงาของโรงเหล็กกล้าที่ปิดตัวไปแล้ว เป็นถนนเหล่านี้เองที่ทำให้ผมได้พบเจอพลังแห่งศรัทธา และความทรนงในศักดิ์ศรีอย่างเงียบๆ ของกลุ่มคนทำงานที่กำลังเผชิญหน้าการต่อสู้และความสูญเสีย

(ผู้คนที่กำลังรับฟังตะโกนว่า “อยู่ต่ออีกสี่ปี! อยู่ต่ออีกสี่ปี! อยู่ต่ออีกสี่ปี!”)

ผมทำเช่นนั้นไม่ได้

(ผู้คนที่กำลังรับฟังยังคงตะโกนต่อไปว่า “อยู่ต่ออีกสี่ปี! อยู่ต่ออีกสี่ปี! อยู่ต่ออีกสี่ปี!”)

“พวกคุณเองนั่นและคือความเปลี่ยนแปลง”

(โอบามาพูดต่อไป) นี่คือที่ๆ ผมเรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนธรรมดาเข้ามามีส่วนร่วมและทำอะไรร่วมกัน แล้วพวกเขาก็ร่วมกันออกมาเรียกร้องมัน

หลังจากที่เป็นประธานาธิบดีของพวกคุณมา 8 ปี ผมยังคงเชื่อเรื่องที่ว่านี้อยู่ และไม่ใช่เป็นแค่ความเชื่อของผมเองคนเดียวเท่านัน มันคือแนวคิดอเมริกันของพวกเราเสมือนหัวใจที่กำลังเต้น คือการทดลองอันหาญกล้าของพวกเราในการปกครองตัวเอง มันคือความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าพวกเราทั้งหมดถูกสร้างมาให้เท่าเทียมกัน ได้รับมอบสิทธิที่มีมาตั้งแต่เกิดจากพระผู้สร้างของพวกเรา ในสิ่งเหล่านั้นคือชีวิต เสรีภาพ และการตามหาความสุข ต้องขอย้ำว่าสิทธิเหล่านี้ถึงแม้จะประจักษ์ชัดในตัวเองแต่ก็ไม่เคยเป็นสิทธิที่มีอยู่แล้วอย่างไม่ต้องรอการรับรองตามกฎหมายของประเทศ พวกเรา ประชาชนจึงสามารถร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่าประชาธิปไตย

ช่างเป็นความคิดที่สุดขั้วอะไรเช่นนี้ ของขวัญที่ผู้ก่อตั้งสถาปนาประเทศมอบให้พวกเราคือเสรีภาพในการไล่ตามความฝันของปัจเจกบุคคลอย่างพวกเราเองผ่านหยาดเหงื่อและความตรากตรำและจินตนาการ แล้วมันก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่พวกเราจะต่อสู้ดิ้นรนไปด้วยกันร่วมไปกับการทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน ผลประโยชน์ต่อส่วนรวม

เป็นเวลา 240 ปีมาแล้วที่ประเทศชาติของพวกเรารวบรวมกันเป็นพลเมืองที่มีหน้าที่การงานและเป้าหมายในชีวิตในแต่ละรุ่นๆ สิ่งนี้ทำให้เกิดความรักชาติที่จะเลือกการเป็นสาธารณรัฐแทนที่จะกลายเป็นทรราช หลักดันให้พวกเราปีนป่ายสู่ตะวันตก เหล่าทาสผู้หาญกล้าก่อร่างเส้นทางสู่อิสรภาพ สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าผู้อพยพและผู้ลี้ภัยจากทั่วสารทิศข้ามมหาสมุทรและริโอแกรนเด (เสียงปรบมือ) สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้ผู้หญิงเรียกร้องที่จะมีสิทธิเลือกตั้ง ผลักดันให้แรงงานจัดตั้งกลุ่มขึ้นมา ทำให้พวกทหารจีไอสละชีพในสมรภูมิโอฮามาและอิโวจิมา ในอิรักและอัฟกานิสถาน และมันคือเหตุผลที่ทำไมชายและหญิงจากเซลมาถึงสโตนวอลล์พร้อมที่จะเสียสละตัวเองเช่นกัน (เสียงปรบมือ)

ดังนั้นแล้วสิ่งเหล่านี้คือความหมายที่เราสื่อถึงเมื่อเราบอกว่าอเมริกามีความพิเศษ ไม่ใช่เพราะว่าประเทศพวกเราไร้ที่ติมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เป็นเพราะว่าพวกเราต่างก็แสดงให้เห็นศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและทำให้ชีวิตดีขึ้นสำหรับผู้ที่เดินตามเรามา แน่นอนว่าความก้าวหน้าของพวกเราก็ไม่ได้ราบเรียบ การทำงานของประชาธิปไตยเป็นเรื่องยากเสมอมา มันมีเรื่องที่ต้องถกเถียงพิพาทกันมาโดยตลอด บางครั้งก็ถึงขั้นเลือดตกยางออก สำหรับทุกๆ 2 ก้าวที่เราก้าวไปข้างหน้าบางครั้งพวกเราก็มักจะรู้เหมือนก้าวถอยหลังกลับไปก้าวหนึ่งด้วย แต่ในฝีพายแบบกวาดยาวของเรือที่ชื่ออเมริกาก็ยังคงอยู่กับนิยามถึงการเคลื่อนไปข้างหน้า มีการขยายหลักการก่อตั้งประเทศของพวกเราอยู่เสมอในการที่จะโอบรับคนทุกคนไม่เพียงแค่บางคนเท่านั้น

ผมเคยบอกคุณแล้วเมื่อ 8 ปีก่อนว่าอเมริกาจะพลิกวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำให้ได้ ปลุกอุตสาหกรรมยานยนต์ให้กลับมาอีกครั้งให้ได้ และทำให้เกิดการสร้างงานยาวไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเรา (เสียงปรบมือ) ถ้าหากผมเคยบอกกับพวกคุณว่าพวกเราจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับประชาชนชาวคิวบา ปิดโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยไม่ต้องเสียกระสุนแม้แต่นัดเดียว กำจัดผู้อยู่เบื้องหลัง 9/11 (เสียงปรบมือ) ถ้าหากผมเคยบอกพวกคุณว่าพวกเราจะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันเรื่องการแต่งงานและทำให้เกิดสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการสุขภาพแก่ประชาชนที่เหลืออีก 20 ล้านคนของพวกเรา (เสียงปรบมือ) ถ้าหากผมเคยบอกพวกคุณอย่างนี้ พวกคุณอาจจะบอกว่าเราตั้งเป้าหมายกันสูงเกินไปสักหน่อย แต่ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่พวกเราร่วมกันทำได้สำเร็จ (เสียงปรบมือ) สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พวกคุณทำสำเร็จ

พวกคุณเองนั่นและคือความเปลี่ยนแปลง พวกคุณตอบรับความหวังของประชาชน และเป็นเพราะพวกคุณ อเมริกาดีขึ้นจากมาตรวัดแทบทุกชนิด เป็นที่ๆ แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมจากตอนต้น (เสียงปรบมือ)

ประชาธิปไตยไม่ได้จำเป็นต้องทำให้ทุกคนเหมือนกันหมด พวกเราต้องโต้แย้งกันได้

ภายใน 10 วันโลกจะได้ประจักษ์ถึงเครื่องหมายของประชาธิปไตยของพวกเรา

(ผู้ฟังต่างบอกว่า “ไม่…”)

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่… ผมหมายถึงการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจอย่างสันติจากประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างเสรีคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง (เสียงปรบมือ) ผมมีพันธะหน้าที่ต่อประธานาธิบดีทรัมป์ผู้มาจากการเลือกตั้งว่ารัฐบาลของผมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีบุชเคยทำกับผม (เสียงปรบมือ) เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนที่จะทำให้แน่ใจว่ารัฐบาลของพวกเราจะช่วยให้พวกเราต่อสู้กับปัญหาจำนวนมากที่พวกเรายังคงเผชิญอยู่ได้

พวกเรามีสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องมี พวกเรามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะมีสำหรับเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ ถึงที่สุดแล้วพวกเราก็ยังคงเป็นชาติที่มั่งคั่งที่สุด มีอำนาจที่สุด และน่าเคารพนับถือที่สุดในโลก คนหนุ่มสาวของพวกเรา พลังขับดันของพวกเรา ความหลากหลายและเปิดกว้างของพวกเรา สมรรถภาพในการกล้าเสี่ยงและคิดค้นใหม่อย่างไม่มีขอบเขตของพวกเราหมายความว่าอนาคตควรเป็นของพวกเรา แต่ศักยภาพเหล่านี้จะเป็นที่ตระหนักได้ก็ต่อเมื่อประชาธิปไตยของพวกเราทำงานเท่านั้น ถ้าเพียงแค่การเมืองของพวกเราจะสะท้อนความดีงามของประชาชนพวกเรา (เสียงปรบมือ) ถ้าเพียงแค่พวกเราทุกคนไม่ว่าจะอิงอยู่กับพรรคการเมืองใดหรือกลุ่มผลประโยชน์ใดก็ตามช่วยกันคืนความรู้สึกร่วมของผู้คนในวัตถุประสงค์เดียวกัน นั่นคือสิ่งที่พวกเรากำลังต้องการอย่างมากในตอนนี้

นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการเน้นในคืนนี้ สภาพประชาธิปไตยของพวกเรา ต้องเข้าใจว่าประชาธิปไตยไม่ได้จำเป็นต้องทำให้ทุกคนเหมือนกันหมด ผู้ก่อตั้งประเทศของพวกเราก็โต้แย้ง พวกเราทุ่มเถียงกัน จนกระทั่งพวกเขาประนีประนอมกันได้ พวกเขาคาดหวังว่าพวกเราจะทำเหมือนกัน แต่พวกเขาก็รู้อีกว่าประชาธิปไตยก็ต้องการความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในระดับพื้นฐาน เป็นแนวคิดที่ว่าไม่ว่าความแตกต่างภายนอกของพวกเราทั้งหมดจะเป็นอย่างไร พวกเราต่างก็ยกระดับขึ้นและตกต่ำลงไปด้วยกันหมด

มันมีช่วงเวลาหลายช่วงในประวัติศาสตร์ที่เป็นอันตรายต่อความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวของพวกเราอยู่เหมือนกัน และในช่วงต้นศตวรรษนี้ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลานั้น โลกที่เล็กลง ความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์และ “ผี” ของการก่อการร้าย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่ทดสอบความปลอดภัยและความรุ่งเรืองของพวกเราเท่านั้น แต่ยังทดสอบประชาธิปไตยของพวกเราด้วย และวิธีการที่เราเผชิญกับปัญหาประชาธิปไตยของพวกเราเองจะหลายเป็นตัวกำหนดความสามารถในการให้การศึกษาแก่ลูกหลานของพวกเรา และสร้างงาน ปกป้องมาตุภูมิของพวกเรา พูดอีกอย่างหนึ่งคือ มันจะเป็นการกำหนดอนาคตของพวกเรา

เริ่มต้นด้วยว่า ประชาธิปไตยของพวกเราจะใช้การไม่ได้เลยถ้าไม่มีแนวคิดว่าทุกคนมีโอกาสในทางเศรษฐกิจ และข่าวดีคือในปัจจุบันเศรษฐกิจกำลังเติบโตขึ้น ค่าแรง รายได้ ราคาที่อยู่อาศัย และเงินบัญชีเกษียณอายุกำลังเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ความยากจนกำลังลดลงอีกครั้ง (เสียงปรบมือ) คนผู้มั่งคั่งกำลังจ่ายภาษีอย่างเป็นธรรมมากขึ้นแม้ว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในระดับทำลายสถิติ ระดับการว่างงานแทบจะเรียกได้ว่าต่ำในรอบ 10 ปี ค่าใชจ่ายแบบไม่เอาประกันภัยก็ไม่เคยต่ำเท่านี้มาก่อน (เสียงปรบมือ) อัตราราคาค่าบริการสาธารณสุขปรับตัวเพิ่มขึ้นช้าลงที่สุดในรอบ 50 ปี และผมได้พูดไปแล้ว ผมได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ ว่า ถ้าหากใครก็ตามที่รวบรวมแผนการที่สาธิตให้เห็นแล้วว่าดีขึ้นกว่าการพัฒนาระบบสาธารณสุขของพวกเราและทำให้คนเข้าถึงได้มากที่สุดโดยมีค่าใช้จ่ายลดลง ผมก็ออกตัวจะสนับสนุนผ่านสื่อ (เสียงปรบมือ)

เพราะนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงรับใช้ ไม่ใช่เพื่อทำให้ได้คะแนนหรือทำเอาหน้า แต่เพื่อทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น (เสียงปรบมือ)

“ถ้าหากพวกเราไม่สร้างโอกาสให้กับผู้คนทุกคน ก็จะเกิดความบาดหมางและการแบ่งแยก”

แต่สำหรับความก้าวหน้าทั้งหมดที่พวกเราทำมา พวกเรารู้ว่ามันยังไม่พอ เศรษฐกิจของพวกเราไม่ได้เติบโตได้ดีพอหรือเร็วพอเมื่อมีแค่ไม่กี่คนที่มั่งคั่งทำให้ส่งผลกระทบต่อชนชั้นกลางที่กำลังเติบโคขึ้นและต่อบันไดที่ชนชั้นล่างจะใช้ปีนขึ้นไปสู่ชนชั้นกลาง นั่นเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันทางเศรษฐกิจ แต่ความไม่เท่าเทียมกันอย่างสิ้นเชิงกำลังกัดกร่อนอุดมคติประชาธิปไตยของเรา ขณะที่พวกชนชั้นนำร้อยละ 1 รวบรวมความมั่งคั่งและรายได้มากขึ้น แต่ก็มีครอบครัวจำนวนมากทั้งในเมืองและในชนบทยังคงถูกทอดทิ้ง คนงานโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกเลย์ออฟ พนักงานเสิร์ฟหรือคนทำงานสาธารณะสุขที่ต่อสู้ดิ้นรนเพียงเพื่อจะจ่ายค่าครองชีพได้ พวกเขารู้สึกว่าเกมนี้มันถูกกำหนดให้กีดกันพวกเขาออกไปอยู่แต่แรกแล้ว รัฐบาลของพวกเขาเพียงแค่รับใช้ผลประโยชน์ของคนที่มีอำนาจ มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการมองโลกในแง่ร้ายอย่างหยามเหยียดและการแบ่งขั้วทางการเมืองของพวกเรา

แต่ก็ไม่มีวิธีการสำเร็จรูปที่จะแก้ปัญหาที่เป็นเรื่องในระยะยาวนี้ ผมเห็นด้วยว่าการค้าของเราต้องเป็นธรรมด้วยไม่ใช่แต่เพียงเสรีเท่านั้น แต่คลื่นลูกต่อไปของการย้ายฐานทางเศรษฐกิจจะไม่ได้มาจากต่างชาติ แต่จะมาจากการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งที่ทำให้เกิดการผลิตสินค้า ทำให้งานของชนชั้นกลางหายไป

ดังนั้นพวกเราจึงต้องสร้างข้อตกลงร่วมกันทางสังคมแบบใหม่ที่จะการันตีให้เด็กทั้งหมดของพวกเราได้รับการศึกษาอย่างที่พวกเขาต้องการ (เสียงปรบมือ) เพื่อที่จะให้พลังแก่แรงงานในการรวมกลุ่มสหภาพเพื่อค่าแรงที่ดีขึ้น เพื่อพัฒนาฐานตาข่ายความปลอดภัยทางสังคมเพื่อให้สะท้อนรับกับวิถีชีวิตที่เรามีอยู่ในตอนนี้และทำการปฏิรูปกฎหมายภาษีมากขึ้นเพื่อให้บรรษัทและบุคคลที่กวาดต้อนผลประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่นี้ไปมากที่สุดไม่ละเลยพันธะกรณีของพวกเขาต่อประเทศชาติที่ทำให้ความสำเร็จของพวกเขาเป็นไปได้ (เสียงปรบมือ)

พวกเราสามารถโต้แย้งกันได้ว่าพวกเราจะใช้วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงเป้าหมายนี้ได้อย่างไร แต่พวกเราก็ไม่ควรที่จะหยุดยั้งแล้วเพียงพออยู่กับแค่ตัวเป้าหมายเองอย่างเดียง เพราะว่าถ้าหากพวกเราไม่สร้างโอกาสให้กับผู้คนทุกคน ก็จะเกิดความบาดหมางและการแบ่งแยกที่จะเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้าของพวกเราซึ่งจะเป็นสถานการณ์ที่แหลมคมขึ้นในอีกหลายปีหลังจากนี้

000

 

 

 


You must be logged in to post a comment Login