วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หัวใจปรองดอง

On January 16, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อเจาะช่องให้สามารถดึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติแล้วกลับมาปรับแก้ใหม่ได้ถูกดำเนินการเรียบร้อยโดยที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นชอบ 3 วาระรวด

ขั้นตอนจากนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องไปขอพระราชทานรัฐธรรมนูญกลับมาปรับแก้โดยมีเวลา 30 วันก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯใหม่อีกครั้ง

รัฐบาลยืนยันว่าการปรับแก้ครั้งนี้จะทำเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ ไม่ถือโอกาสลักไก่ปรับแก้มาตราอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง

หากเป็นไปตามนั้นเรื่องรัฐธรรมนูญคงจะจบเรียบร้อยไปด้วยดี

สิ่งที่ต้องตามลุ้นกันต่อว่าจะออกหัวออกก้อยอย่างไรหลังรัฐบาลทหารคสช.ตีปี๊บเรื่องการสร้างความปรองดองให้กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง

งานนี้มอบหมายให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นแม่งาน ยังไม่มีใครรู้ว่า “บิ๊กป้อม” มีแนวคิดและวิธีการที่จะสร้างความปรองดองอย่างไร

หาก “บิ๊กป้อม” ยังไม่มีแนวคิดที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ อยากยกสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของ นายบารัก โอบามา มาให้เป็นกรณีศึกษา ซึ่งนายบารัก โอบามา พูดถึงเรื่องความขัดแย้งทางความคิด ความขัดแย้งทางการเมืองของสังคมคนในสังคมอเมริกันและแนวทางแก้ปัญหาเอาไว้น่าสนใจ

นายบารัก โอบามา เตือนชาวอเมริกันไม่ให้ลืมความหมายที่แท้จริงของประชาธิปไตย ในภาวะที่ทุกคนต่างลังเลและสับสนต่อคุณค่าที่พวกเขายึดถือมาโดยตลอด

หัวใจของประชาธิปไตยไม่ได้ต้องการให้เราทุกคนเหมือนกัน บรรพบุรุษของเราเคยถกเถียง และประนีประนอมกันมาก่อน และพวกเขาคาดหวังให้เราทำสิ่งเดียวกัน พวกเขารู้ว่าประชาธิปไตยคือความสามัคคี คือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนที่ล้วนมีความแตกต่าง สามารถอยู่ร่วมกัน และกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ประชาธิปไตยทำให้ได้เรียนรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนทั่วไปมีส่วนร่วม และขับเคลื่อนเป้าหมายไปพร้อมกัน

คนเป็นผู้นำวันนี้ต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าการถ่ายโอนอำนาจให้ผู้ที่ชนะเลือกตั้งเข้ามาจะเป็นไปอย่างราบรื่นเพื่อให้ประเทศสามารถก้าวผ่านอุปสรรคที่เผชิญอยู่ไปด้วยกัน

ในภาวะที่อเมริกากำลังเดินเข้าสู่ยุคที่สังคมแบ่งแยกและแตกร้าวที่สุด ขอเตือนให้ประชาชนไม่ลืมรากเหง้าและความเป็นมาของอเมริกา ที่รัฐธรรมนูญของประเทศนั้นยึดถือความเสมอภาค และเคารพความแตกต่าง

“เราจำเป็นต้องปกป้องกฎหมายที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ และการแบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็นในการจ้างงาน การจัดสรรที่อยู่อาศัย และในระบอบยุติธรรม แต่เพียงแค่กฎหมายนั้นไม่อาจเพียงพอต่อการต่อสู้กับการแบ่งแยกในสังคม หัวใจของพวกคุณต้องเปลี่ยนด้วย รัฐธรรมนูญคือของขวัญที่สวยงามของประเทศเรา แต่มันเป็นเพียงแค่กระดาษที่มีลายลักษณ์อักษรเท่านั้น มันไม่ได้มีอำนาจในตัวของมันเอง ประชาชนคือคนที่ให้อำนาจกับรัฐธรรมนูญ ด้วยการมีส่วนร่วมและการตัดสินใจ”

บทสรุปของสุนทรพจน์นี้คือ “กฎหมาย” ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการสร้างความเสมอภาค ความยุติธรรม และความปรองดอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องต่อสู้กับการแบ่งแยกแบ่งฝ่ายในหัวใจของเราเองให้ได้ก่อนเพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกคนทุกฝ่ายได้ร่วมกันคิดร่วมกันตัดสินใจ

หากยังขจัดความแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในหัวใจตัวเองไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีวันที่จะสร้างความเสมอภาค ความยุติธรรมและความปรองดองได้

แม้ นายบารัก โอบามา จะพูดในบริบทของอเมริกาแต่ตรงเผงกับปัญหาที่เกิดขึ้นในไทย ถ้าจะสร้างความปรองดองจริง ควรเริ่มจากผู้มีอำนาจในตอนนี้ต้อง “ขจัดความแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในหัวใจตัวเอง” ให้ได้ก่อน แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง


You must be logged in to post a comment Login