วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ตื่นกลัวสงครามโลก! / โดย ณ สันมหาพล

On January 16, 2017

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

หนึ่งในกระแสข่าวที่กำลังมาแรงขณะนี้คือ การตื่นกลัวสงครามโลกครั้งใหม่ ซึ่งอาจเป็นสงครามที่เกิดขึ้นแบบไม่มีใครตั้งตัวมาก่อน โดยตั้งสมมุติฐานว่ารัฐบาลประเทศมหาอำนาจยิ่งใหญ่มีคำสั่งให้หน่วยรบอาวุธนิวเคลียร์ยิงขีปนาวุธไปยังประเทศฝ่ายตรงข้าม หลังจากนั้นจะเกิดสงครามทำลายล้างครั้งที่ 3 ทันที

ทั้งหมดนี้เกิดจากการตื่นกลัว “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ซึ่งมีนิสัยหุนหันพลันแล่น ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ทั้งยังไม่ฟังใครนอกจากพรรคพวก

ซ้ำร้ายในการแต่งตั้งคณะรัฐบาล ตำแหน่งสำคัญทางความมั่นคงและการป้องกันประเทศเป็นอดีตนายทหารที่มีกิตติศัพท์หุนหันพลันแล่นเช่นกัน

แม้การตื่นกลัวจะเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งหลังจากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง เพราะทราบดีว่าโลกเกือบจะเกิดสงครามนิวเคลียร์แล้วหลายครั้ง ครั้งที่หวุดหวิดที่สุดคือเช้าวันที่ 3 มิถุนายน 2523 เมื่อซบิกนิว เบรซซินสกี้ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงให้ประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ต้องลุกจากที่นอนตอนตีสองครึ่งเพื่อรับโทรศัพท์แจ้งการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากสหภาพโซเวียต ขณะนั้นสหรัฐกำลังเผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียตที่บุกเข้าไปในอัฟกานิสถาน โดยระบบคอมพิวเตอร์ศูนย์บัญชาการรบสูงสุดทั้ง 3 แห่งส่งสัญญาณเตือน ทำให้ชุดปฏิบัติการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเปิดตู้เซฟเพื่อนำกุญแจมาเปิดระบบ ขณะที่นักบินเครื่องบินรบเตรียมนำเครื่องบินออกปฏิบัติการ

หน้าที่ของที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงคือ การรับแจ้งเตือนการโจมตีและแจ้งให้ประธานาธิบดีเพื่อตัดสินใจก่อนที่ขีปนาวุธข้าศึกจะมาถึง แต่เบรซซินสกี้กลับสั่งให้นายพลที่โทรศัพท์แจ้งเตือนกลับไปตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง

ปรากฏว่าขีปนาวุธนิวเคลียร์จำนวน 2,200 ลูกที่ระบุว่ากำลังเคลื่อนเข้าสู่สหรัฐนั้น บังเอิญเบรซซินสกี้ต้องการให้ภรรยาเสียชีวิตขณะหลับจะได้ไม่ทรมาน จึงไปโทรศัพท์อีกที่หนึ่ง ขณะนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่ 3 และเป็นคนเดิมที่โทรศัพท์มา แต่ครั้งนี้เปลี่ยนจากการแจ้งเตือนเป็นการขอโทษที่โทรศัพท์แจ้งเตือนถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ทำงานบกพร่อง โดยชิพตัวหนึ่งเกิดชำรุด ซึ่งชิพตัวนี้ราคาเพียง 46 เซ็นต์ เทียบไม่ได้กับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากมีการกดปุ่มขีปนาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีคนเสียชีวิตกี่ร้อยล้านคน

เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง โดยก่อนหน้านี้เพียงปีเดียวมีการใส่เทปบันทึกข้อมูลเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นข้อมูลการฝึกเพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จึงเกิดความโกลาหลขึ้น โชคดีที่ไม่บานปลายถึงขั้นประธานาธิบดีมีคำสั่งให้ยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้

อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในนอร์เวย์ มีการปล่อยจรวดตรวจสภาพอากาศการเกิดพายุพระอาทิตย์ การสะท้อนของแสงอาทิตย์จากเมฆที่ลอยสูง และความบกพร่องของตู้ชุมสายโทรศัพท์ ณ ฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์แห่งหนึ่ง ปรกติเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผู้ดูแลจะต้องแก้ไขปรับปรุง ซึ่งสหรัฐก็ทำเช่นกัน แต่คนวงในกลับมีความรู้สึกเป็นห่วงและหดหู่กับสภาพอาวุธและอุปกรณ์ช่วยยิงที่ล้าสมัย โดยเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์ที่ยังใช้แบบเก่า

แต่ความหดหู่ยังไม่เท่ากับว่าผู้มีอำนาจบริหารจัดการมียศนายพลอากาศโท หัวหน้ากองกำลังหลักที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังไปเมาเหล้าในภัตตาคารในกรุงมอสโกและระรานสาวๆที่นั่งรายรอบ ทั้งขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีและพูดด่ารัสเซียต่อหน้าเจ้าภาพ

นอกจากนี้ในปีต่อมามีนายทหารระดับผู้ปฏิบัติการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์เกือบ 100 นายถูกลงโทษ เพราะโกงการสอบในการทบทวนการทำงาน และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานายทหารปฏิบัติการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์คนหนึ่งถูกไล่ออกหลังถูกตรวจพบว่าเสพยากระตุ้น ขณะที่อีกคนถูกไล่ออกและถูกศาลสั่งจำคุก 25 ปี ข้อหาเป็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลและค้ายาเสพติด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีคดีล่วงละเมิดทางเพศหญิงอายุต่ำกว่า 16 ปี

คำถามคือ นายทหารเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในหน่วยรบสูงสุดของประเทศและของโลกได้อย่างไร?

เมื่อนายทหารเข้าไปแล้ว ทำไมไม่มีการตรวจสอบและติดตามความประพฤติในระดับลึกและถ้วนหน้า

ทั้งหมดนี้ยังไม่น่ากลัวเท่ากับขณะนี้ที่ผู้นำมหาอำนาจ 2 ประเทศต่างพยายามแสดงถึงศักยภาพในด้านอาวุธนิวเคลียร์ โดยวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศชัดเจนถึงการกลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง

ส่วนทรัมป์ล่าสุดตอบคำถามในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เรื่องการแข่งขันทางอาวุธว่า “เอาจริงเสียทีเถอะการแข่งขันทางอาวุธ เพื่อประเทศเราจะได้แซงหน้าทุกประเทศและอยู่ยั่งยืนตลอดไป”

อย่างไรก็ดี ยังมีการมองในแง่ดีว่า การตื่นกลัวสงครามโลกอาจช่วยให้ชาวโลกตื่นตัวเรื่องภัยสงครามนิวเคลียร์อย่างจริงจังว่าอาจเกิดได้ตลอดเวลา แม้แต่เพราะความเข้าใจผิด!


You must be logged in to post a comment Login