วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ขบวนสุดท้าย

On January 18, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การปฏิรูปประเทศ การวางยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองมีความคืบหน้าตามลำดับ

ล่าสุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะใช้อำนาจพิเศษมาตรา 44 แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)

ในส่วนของการปฏิรูปประเทศและการวางยุทธศาสตร์ชาตินั้น จะนำผลการศึกษาข้อเสนอของสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาต่อยอด

ขณะที่การสร้างความปรองดองจะให้พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองมาทำ สัญญาประชาคมและสัจวาจา หลังจากที่รัฐบาลพลิกบทบาทตัวเองจากคู่ขัดแย้งมาเป็นคนกลางจัดเวทีให้ฝ่ายต่างๆมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก

สำหรับการนิรโทษกรรมที่ใครก็มองว่าเป็นประตูบานสุดท้ายที่จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองนั้น “บิ๊กตู่” ยังแบ่งรับแบ่งสู้บอกยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดกันในตอนนี้

ประมาณว่าต้องเดินทีละก้าวทีละขั้น

ที่น่าสนใจคือรัฐบาลทหารคสช.ตั้งเป้าหมายว่าการพูดคุยระหว่างฝ่ายต่างๆ จะได้ข้อสรุปที่ใช้เป็นแนวทางสร้างความปรองดองภายใน 3 เดือน

พระเจ้า! สังคมไทยที่ขัดแย้งกันมานานกว่าทศวรรษกำลังจะเกิดความสงบสุขขึ้นมาอีกครั้งภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้

ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่

คำตอบคือมีทั้งโอกาสที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้

โอกาสที่ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้จริงเพราะดูเหมือนว่าขณะนี้เป็นช่วงไทมิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการพูดคุยเพื่อสร้างความปรองดอง

ทำไมถึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

ที่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพราะ 1.คดีความต่างๆที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหมดแล้ว แม้การพิจารณาจะช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่ 80% ใกล้เวลาที่ศาลจะตัดสินคดี

ต้องยอมรับความจริงว่าไม่มีใครอยากเข้าไปใช้ชีวิตในคุก เมื่อมีโอกาสพูดคุยหาช่องให้ตัวเองไม่ต้องเข้าไปใช้ชีวิตในคุก หรือลดโทษตัวองให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถามว่าใครจะไม่ทำ เพราะโอกาสต่อรองแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ

นี่จึงเป็นที่มาของการประสานเสียงตอบรับที่จะเข้าพูดคุยตามคำเชิญของรัฐบาลทหารคสช. ที่ทุกคนบอกว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะยุติความขัดแย้งที่มีมายาวนาน

2.เป็นรถไฟขบวนสุดท้าย ถ้าไม่คุยหาทางออกร่วมกันตอนนี้ ก็ไม่มีโอกาสที่จะพูดคุยกันอีกแล้ว

ทั้งนี้ เพราะใครก็รู้ว่าแม้การเลือกตั้งอาจถูกเลื่อนออกไปเป็นกลางปี 2561 แต่ก็ถือว่าช่วงท้ายๆปลายอำนาจของรัฐบาลทหารคสช. ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีพลังอำนาจพิเศษจะเสกอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งทางแพ่ง อาญา และทางวินัย เนื่องจากได้รับการนิรโทษกรรมล่วงหน้าไว้แล้วทุกกรณี

การสร้างความปรองดองที่อย่างไรก็หนีไม่พ้นเรื่องการพักโทษ ลดโทษ หรืออาจไปถึงนิรโทษกรรมในบางคดีจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยพลังอำนาจพิเศษของรัฐบาลทหารคสช.

ถ้าไม่คุยกันให้ได้ข้อยุติและลงมือทำกันให้เสร็จก่อนรัฐบาลทหารคสช.หมดอำนาจก็เท่ากับโยนโอกาสสร้างความปรองดองทิ้ง

ใครก็รู้ว่าการลดโทษ พักโทษ หรือนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นในวาระของรัฐบาลปรกติที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้แน่

จึงเป็นไทมิ่งที่ดีที่สุด ไม่คุยกันตอนนี้จะไปคุยกันตอนไหน

ส่วนอุปสรรคที่จะทำให้ไม่สำเร็จคงมีเรื่องเดียวคือ “ได้คืบจะเอาศอก” จนทำให้ต้องล้มโต๊ะเจรจา


You must be logged in to post a comment Login