วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘ทรัมป์’กับกลุ่มอาเซียน

On January 18, 2017

สื่อทั่วโลกประโคมข่าวคึกคัก บางส่วนคาดเดากันชุลมุนฝุ่นตลบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หลัง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำ “ขาใหญ่” ของโลก เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

ทรัมป์ มีกำหนดทำพิธีปฏิญาณตน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ต่อจาก นายบารัค โอบามา ในวันศุกร์ที่ 20 มกราคมนี้

สื่อและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันว่า มีแนวโน้มสูงที่ประชาคมโลกจะปั่นป่วนทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจจากฝีมือของทรัมป์ โดยกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

ทรัมป์ ยังไม่เคยกล่าวถึงกลุ่มประเทศอาเซียนโดยตรง โดยประเทศในเอเชีย ทรัมป์จี้ไปที่จีนเป็นส่วนใหญ่ ตามด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งกรณีของไต้หวัน ดูเหมือนทรัมป์จะยกขึ้นมา “ป่วน” จีนมากกว่าเจตนาอย่างอื่น

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศอาเซียน ช่วงที่ทรัมป์ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำสหรัฐระยะเริ่มต้น จึงเป็น “ผลพลอยได้” หรือไม่ก็เป็น “ผลกระทบข้างเคียงเชิงลบ” มากกว่าจะเป็นผลโดยตรง

ภาคส่วนที่จะเผชิญแรงกระเพื่อมจากทรัมป์มากที่สุด คือตลาดหุ้น ตามด้วยตลาดพันธบัตร ค่าเงิน และการเคลื่อนย้ายเงินของนักลงทุน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจดังกล่าวในอาเซียนหลายประเทศ เกิดความผันผวนมาตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งแล้ว

ส่วนแนวโน้มในอนาคต บริษัทวิจัยทางเศรษฐกิจและจัดอันดับเครดิต Moody’s Investors Service มองว่าไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม จะได้รับผลกระทบด้านการส่งออก หากทรัมป์ใช้มาตรการกีดกันทางการค้า โดยจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างชาติ และลดการลงทุนตรงของนักลงทุนต่างชาติ

นักวิเคราะห์แห่ง forbes.com มองในมุมเดียวกัน โดยรวมอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ไว้ในกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบด้านการส่งออกด้วย

ด้านการส่งเสริมสันติภาพและเสียภาพทางการเมืองในภูมิภาคอาเซียน นักวิเคราะห์แยก “เดาใจ” ทรัมป์เป็น 3 กรณี คืออาจจะให้ความสำคัญกับอาเซียน และดำเนินการในภาคปฏิบัติมากกว่าโอบามา

อีกกรณี ทรัมป์อาจประเมินว่า “ไม่คุ้ม” ที่จะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้อาเซียน และปล่อยให้อาเซียนแก้ปัญหากับจีนเอง

หรือไม่อย่างนั้น ทรัมป์อาจมอบหน้าที่ให้ญี่ปุ่นเป็นตัวแทน เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้อาเซียน เพื่อคานอำนาจกับจีน

โดยสรุปแล้ว ณ ปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงที่อาเซียนจะเผชิญหลังทรัมป์ขึ้นครองอำนาจ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้อง “Wait and see” ยังไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าจะเกิดขึ้นจริง 


You must be logged in to post a comment Login