- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
‘ทรัมป์’โชว์ลีลาเขย่าโลก
วันศุกร์นี้ (20 มกราคม) เป็นวันประวัติศาสตร์ทางการเมืองอีกหนึ่งบทของสหรัฐ จากการมีประธานาธิบดีคนที่ 45 อย่างเป็นทางการ ชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งเข้ารับตำแหน่งแทนนายบารัค โอบามา
ในฐานะเป็นนักธุรกิจมือทองคนหนึ่ง ทำให้สื่อและนักวิเคราะห์พูดถึงทรัมป์ในด้านเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ โดยมีกระแสที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับโลกแทรกประปราย
เท่าที่ผ่านมา ทรัมป์สื่อกับประชาคมโลกผ่านทวิตเตอร์เป็นหลัก โดยสะท้อนท่าทีด้านความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ตรงกันข้ามกับโอบามา สะท้อนถึงแนวทางเตรียมปฏิรูปนโยบายต่างประเทศแบบรื้อสิ่งที่โอบามาทำไว้ทิ้งทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด
พฤติกรรมที่คาดเดายากของทรัมป์ กลายเป็นสีสันเรียกความสนใจได้ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดกระแสความวิตกกังวลขึ้นในประชาคมโลก เนื่องจากรู้สึกเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของทรัมป์
ท่าที “ย้อนศร” กระแสหลักส่วนหนึ่งของทรัมป์ ประกอบด้วยการสนับสนุนแผนกวาดล้างยาเสพติดของผู้นำฟิลิปปินส์ ท่ามกลางกระแสโจมตีผู้นำฟิลิปปินส์ว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง จากปฏิบัติการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดจำนวนมาก
การหยั่งเชิงจีนด้วย “หมัดแย็บ” หลายครั้ง เป็นอีกสีสันหนึ่ง โดยทรัมป์พูดคุยกับผู้นำไต้หวันเชิงยอมรับไต้หวันเป็นประเทศเอกราช ตามด้วยการแนะนำให้จีนเจรจากับไต้หวัน เพื่อหาข้อสรุปให้ไต้หวันเป็นอิสระ ไม่ใช่ดินแดนส่วนหนึ่งของจีนตามนโยบาย “One-China”
จีนโกรธจัดกับ “หมัดแย็บ” ดังกล่าวของทรัมป์ ออกมาตอบโต้ด้วยถ้อยคำเด็ดขาด ยืนยันไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนตามนโยบาย “One-China” โดยไม่มีข้อต่อรองใดๆ พร้อมกับขู่ทรัมป์ว่า หากเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ จะถูกตอบโต้หนักจากจีน
แต่ทรัมป์ไม่หยุดแค่นั้น ยังออกลีลาแย็บจีนอีกหมัด จากการระบุว่าจีนไม่มีความชอบธรรมในการนำเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปในน่านน้ำทะเลจีนใต้ บริเวณที่มีปัญหาขัดแย้งกับหลายประเทศ ซึ่งจีนก็สวนกลับเช่นกัน
อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก คือการ “ล้างบาง” เอกอัครราชทูตสหรัฐที่โอบามาแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ใน 80 ประเทศ โดยให้พ้นจากหน้าที่ในวันที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งคือวันนี้
เอกอัครราชทูตที่ถูก “ปลด” คือผู้ที่อายุงานครบวาระ และทรัมป์ไม่ต่อวาระใหม่ให้
ทั้งหมดคือลีลาบู๊ทางการเมืองและนโยบายต่างประเทศส่วนหนึ่งของทรัมป์ ซึ่งทำให้โอบามามองว่า “ยุคของทรัมป์เป็นยุคที่ไม่ปรกติ”
You must be logged in to post a comment Login