- ปีดับคนดังPosted 5 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
เรื่องราวของโมเสสและลูกหลานอิสราเอลมีกล่าวไว้ทั้งในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอาน บางส่วนละม้ายคล้ายคลึงกันและบางส่วนแตกต่างกัน
ชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิมรู้เหมือนกันว่า โมเสสเป็นลูกหลานอิสราเอลคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ปลดปล่อยลูกหลานอิสราเอลให้พ้นจากการตกเป็นทาสของฟาโรห์ และเป็นผู้ที่ได้รับคัมภีร์โตราห์ (กฎหมาย) จากพระเจ้า เพื่อปกครองพวกลูกหลานอิสราเอล แต่ถึงกระนั้นพวกลูกหลานอิสราเอลก็ยังดื้อดึงและฝ่าฝืนคำสั่งคำสอนของโมเสส แม้จะเห็นปาฏิหาริย์ต่างๆที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นกับโมเสสหลายครั้งแล้วก็ตาม
ในคัมภีร์กุรอานมีเรื่องราวหลายตอนที่เปิดโปงลักษณะนิสัยดื้อรั้น ดันทุรัง และชอบลองดีกับพระเจ้าของพวกลูกหลานอิสราเอล
มีตอนหนึ่ง ขณะที่โมเสสยังมีชีวิตและเป็นผู้นำของพวกลูกหลานอิสราเอล ปรากฏว่ามีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น เนื่องจากเศรษฐีคนหนึ่งเสียชีวิตลงโดยทิ้งลูกชายคนเดียวไว้เป็นผู้รับมรดก แต่ลูกพี่ลูกน้องของลูกชายเศรษฐีรายนี้เกิดอิจฉาขึ้นมา จึงฆ่าลูกชายของเศรษฐีเพื่อที่จะเอามรดกของลูกชายเศรษฐีมาเป็นของตน
ดังนั้น ญาติพี่น้องของผู้ถูกฆ่าจึงมาหาโมเสสเพื่อขอให้เขาหาตัวฆาตกรมาลงโทษ แต่การหาตัวฆาตกรไม่ใช่เรื่องง่าย โมเสสจึงบอกคนเหล่านั้นให้เชือดวัวตัวเมียตัวหนึ่งแล้วตัดลิ้นหรือหางของมันมาฟาดบนซากศพของผู้ถูกฆ่า ผู้ถูกฆ่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาและบอกให้รู้ว่าใครเป็นฆาตกร
โมเสสสั่งให้พวกลูกหลานอิสราเอลเชือดวัวก็เพื่อทำลายการเคารพนับถือวัว ซึ่งพวกลูกหลานอิสราเอลปฏิบัติตามพวกเดียรถีย์จนถึงขั้นเอาเงินและทองคำมาหลอมหล่อเป็นรูปโคและบูชาสักการะรูปโคบูชานั้น ทั้งๆที่คัมภีร์โตราห์ห้ามเคารพกราบไหว้รูปปั้นใดๆและสั่งให้เคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว
เมื่อได้ยินคำแนะนำเช่นนี้ พวกลูกหลานอิสราเอลที่เป็นญาติของผู้ตายจึงหาทางบ่ายเบี่ยงที่จะทำในสิ่งที่ขัดกับความเชื่อของตัวเอง พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “ท่านกำลังล้อเล่นกับเราใช่ไหม?” โมเสสตอบว่า “พระเจ้าไม่ให้ฉันทำเรื่องโง่ๆหรอก”
คนเหล่านั้นถามว่าวัวประเภทไหนที่จะนำมาเชือด โมเสสจึงตอบว่า “วัวที่มีอายุปานกลาง ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป ทำตามคำสั่งของฉันก็แล้วกันเพราะนี่เป็นบัญชาของพระเจ้า”
ถ้าญาติของผู้ตายทำตามโมเสสเรื่องก็จบ แต่คนพวกนี้ถามจุกจิกต่อไปว่าวัวที่จะให้นำมาเชือดมีสีอะไร โมเสสตอบว่าเป็นวัวที่มีสีเหลืองเข้มสดใสเป็นที่ต้องใจแก่ผู้พบเห็น
โมเสสคิดว่าเพียงแค่นี้กลุ่มเจ้าทุกข์คงจะพอใจ แต่ที่ไหนได้ คนพวกนี้ถามต่อไปอีกว่าจะเอาวัวชนิดใด เพราะวัวมีลักษณะคล้ายๆกัน
โมเสสตอบอย่างอดทนว่า วัวที่จะนำมาเชือดต้องเป็นวัวที่ไม่ถูกนำไปใช้ทำนาหรือทดน้ำเข้านา และต้องเป็นวัวที่ไม่มีตำหนิ
ถ้าทำตามเสียตั้งแต่ทีแรก พวกญาติผู้ตายก็คงรู้ตัวฆาตกรไปนานแล้ว แต่เพราะทำตัวเป็นคนหัวหมอล้อเล่นกับคนของพระเจ้าด้วยการถามจุกจิก การหาวัวที่มีลักษณะดังกล่าวก็เริ่มยากขึ้น เพราะในละแวกนั้นไม่มีใครเคยพบเห็นวัวที่มีลักษณะดังกล่าว
แต่โชคยังดีที่ในหมู่บ้านใกล้เคียงมีเด็กคนหนึ่งได้รับวัววัยสาวเป็นมรดกจากพ่อ และวัวตัวนี้มีลักษณะตามที่โมเสสบอกไว้ทุกประการ ญาติของผู้ตายจึงขอซื้อวัวตัวนั้นจากเด็ก แต่แม่ของเด็กบอกลูกตัวเองว่าวัวตัวนี้มีราคามากกว่าที่คนพวกนี้เสนอ และนางจะไม่ยอมให้ลูกของนางขายแม้จะได้ทองคำเต็มถุงหนังก็ตาม
เจอสถานการณ์แบบนี้ พวกลูกหลานอิสราเอลก็ต้องยอมจ่ายเงินแพงลิบลิ่วเพื่อให้ได้วัวตัวนั้นมา แต่หลังจากเชือดวัวตัวนั้นและทำตามโมเสสจนคนตายฟื้นขึ้นมาบอกว่าใครคือฆาตกรแล้ว พวกลูกหลานอิสราเอลก็ยังมีท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อโมเสสอีก
เรื่องราวดังกล่าวถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดก็เพื่อเป็นการเปิดโปงลักษณะนิสัยของพวกลูกหลานอิสราเอลที่มีท่าทีโอหังต่อคนของพระเจ้า และเพื่อยืนยันว่านบีมุฮัมมัดมีความรู้เรื่องบรรพบุรุษของพวกลูกหลานอิสราเอลเป็นอย่างดี
You must be logged in to post a comment Login