- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 15 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 6 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 7 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
ขโมยของไม่ผิด?
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2017/01/4506-ONLINE.jpg)
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
รัฐบาลทหารคสช.ที่ชูจุดขายเป็นรัฐบาลปราบโกง กำลังถูกจุดขายย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง เปรียบเหมือนคนเล่นของที่กำลังถูกของย้อนเข้าตัว
ความพยายามโอบอุ้มและให้ความช่วยเหลือ นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ถูกจับกุมที่ประเทศญี่ปุ่นในข้อหาลักขโมยภาพในโรงแรม จนได้เดินทางกลับประเทศโดยไม่ถูกดำเนินคดี ทำให้สังคมย้อนมองจุดยืนของรัฐบาลทหารคสช.เรื่องการปราบโกงต่อต้านทุจริตอย่างมีข้อสงสัย
ทั้งสงสัยในมาตรฐานการทำงานของหน่วยราชการไทยในการช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน ว่าหากเป็นประชาชนคนธรรมดาทั่วไปถูกจับบ้าง จะได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แบบเดียวกันนี้หรือไม่
ทั้งสงสัยในกระบวนการพิจารณาลงโทษที่ต้องตั้งกรรมการสอบซ้ำ ทั้งที่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน
ทั้งสงสัยในคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่บางคน ที่บอกว่าการลักขโมยไม่ใช่เรื่องใหญ่ร้ายแรง หรือการขอร้องทำนองว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ทำความผิด และขอร้องว่าอย่าเอาเรื่องนี้มาขยายความจนเกินเลย
นับเป็นการส่งสัญญาณผิดจากฝ่ายคุมอำนาจที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง ทำให้เครดิตความเป็นรัฐบาลปราบโกงถูกลดทอนลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่เทคแอ็คชั่นตรวจสอบสินบนอื้อฉาวที่เกี่ยวพันกับหลายหน่วยงานที่องค์กรต่างประเทศเปิดเผย
เวลาผ่านมากว่าสองสัปดาห์ มีแต่คำคุยโวจากฝ่ายตรวจสอบว่ารู้ชื่อหมดแล้วว่าใครเกี่ยวข้องกับการรับสินบนบ้าง พร้อมคำยืนยันเอาผิดได้แน่
ย้อนมาที่เรื่องของนายสุภัฒ หลังจากที่ถูกสังคมตั้งคำถามอย่าหนัก ทำให้มีการเร่งรัดการสอบสวน ที่จากเดิมจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ลดมาเหลือแค่จะรู้ผลภายใน 1-2 วันนี้
ผลการสอบสวนประชาชนคงไม่อยากรู้เท่าไหร่ เพราะอย่างไรเสียก็เชื่อว่าจะออกมาสวนทางกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏได้ยาก
สิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอดูคือความเด็ดขาดของการลงโทษมากกว่า
ตามระเบียบราชการบทลงโทษทางวินัยมีอยู่ด้วยกัน 5 ระดับ ไล่ตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ ลดเงินเดือน ตัดเงินเดือน ให้ออก และไล่ออก
ต้องมารอดูกันว่าโทษของนายสุภัฒจะระดับไหนอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้ คงต้องทำใจเอาไว้แต่เนิ่นๆ เพราะบทลงโทษที่จะออกมาอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด และไม่สมกับภาพลักษณ์ของการเป็นรัฐบาลปราบโกง
ทั้งนี้ เพราะมีความพยายามอธิบายว่าการขโมยภาพวาดของนายนายสุภัฒเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ถือว่าเป็นความผิดต่อราชการ
เมื่อเจรจาชดใช้กันได้ ผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง ประเทศต้นทางปล่อยตัวกลับไม่ดำเนินคดีพฤติการณ์ของนายสุภัฒจึงไม่เข้าองค์ประกอบต่อการทำผิดต่อราชการตามประมวลกฎหมายอาญาตั้งแต่มาตรา 147-116 ที่จะสามารถลงโทษทางวินัยได้
ถ้าว่ากันตามตัวหนังสือที่เขียนไม่มีช่องให้ลงโทษนายสุภัฒ
แต่เพื่อลดกระแสสังคม และลดความเสียหายต่อภาพลักษณ์การต้านโกงของรัฐบาลทหารคสช.จะมีบทลงโทษอะไรออกมาเพื่อให้สังคมรู้สึกว่าไม่ได้วางเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป
You must be logged in to post a comment Login