วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไม่ลึกถึงรากเหง้า

On February 1, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

จบไปแบบไทยๆกับกรณีอื้อฉาวของ นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ไปถูกจับฐานลักลอบขโมยภาพวาดจากโรงแรมในญี่ปุ่น แต่ได้รับการช่วยเหลือจากส่วนราชการไทยจนได้เดินทางกลับประเทศโดยไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งล่าสุดส่งหนังสือลาออกจากราชการแล้ว

ตามหนังสือลาออกยอมรับกระทำการอย่างที่เป็นข่าวจริง แต่เป็นเพราะความเมาทำให้ขาดสติ จึงขอแสดงความรับผิดชอบและขอโทษผู้เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งผู้บังคับบัญชา และประชาชน พร้อมขอให้ทุกคนให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย

สำนึกผิด ลาออก ขออภัย เข้ากับจริตของคนไทย เชื่อว่าจะทำให้เรื่องนี้เงียบหายไปในที่สุด

ส่วนที่ไม่น่าจะเงียบหายไปคือการส่งสัญญาณผิดๆของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต่อเรื่องนี้ ที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าจะสอนลูกหลานต่อไปอย่างไร เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งออกมาปกป้อง และให้ความช่วยเหลือคนทำผิดจนไม่ต้องรับผิดเพราะเห็นว่าการลักทรัพย์เป็นเรื่องเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังถามถึงมาตรฐานการช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดนเมื่อมีการนำกรณีนี้ไปเปรียบเทียบกับกรณีอื่นที่คล้ายกัน แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือให้พ้นผิดเดินทางกลับประเทศ

พ้นจากเรื่องดราม่ามาติดตามความคืบหน้าเรื่องการสร้างความปรองดองที่ดูเหมือนว่ารัฐบาลทหารคสช.จะพยายามเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และเสียงตอบรับจากฝ่ายต่างๆก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ

ล่าสุดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ได้เสนอแนวทางสร้างความปรองดองอย่างเป็นทางการ หลักการที่เสนอคือให้แก้ปัญหาด้วยความจริงใจ แก้ปัญหาโดยยึดหลักความเสมอภาคเท่าเทียมและเป็นธรรม ให้องค์กรที่ได้รับความน่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเป็นคนกลาง

เมื่อพิจารณาจากข้อเสนอแล้วก็เป็นหลักการทั่วไปที่พูดกันมาโดยตลอด ต้องรอดูว่าจะมีเสียงต้อนรับจากผู้มีอำนาจอย่างไร

ในด้านผู้รับผิดชอบสร้างความปรองดองอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอกย้ำแนวทางการทำงานว่าจะเริ่มจากเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุย ในส่วนของฝ่ายการเมืองนั้นจะให้ส่งตัวแทนมาพรรคละประมาณ 10 คน

ส่วนกรอบเวลาทำงานยังยึดกรอบเดิมที่วางไว้คือจะรวบรวมความเห็นจากทุกฝ่ายให้ได้ภายใน 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กป้อม” ได้แย้มออกมาว่ามีแนวทางปรองดองอยู่ในใจแล้ว โดยได้นำผลการศึกษาในอดีตโดยเฉพาะชุดที่มี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และ นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานดำเนินการซึ่งเห็นด้วยกับข้อเสนอทุกเรื่องยกเว้นเรื่องการนิรโทษกรรม อภัยโทษ และกระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ ได้เชิญ นพ.ประเวศ วะสี และ นายคณิต มาร่วมงานในฐานะที่ปรึกษาสร้างความปรองดองด้วย

ประเมินจากท่าทีของ “บิ๊กป้อม” แล้วแนวทางสร้างความปรองดองที่จะออกมาน่าจะเป็นในลักษณะกึ่งสำเร็จรูปฉีกซองเทน้ำร้อนรอ 3 นาทีกินได้เลย

นั่นคือเอาผลศึกษาเก่าๆมาดู แล้วจิ้มเลือกว่าจะเอาเรื่องไหนมาใช้ เรื่องไหนไม่เอามาใช้ ซึ่งเรื่องไม่เอามาใช้ก็แน่นอนว่าจะเป็นประเด็นร้อนพวกนิรโทษกรรม อภัยโทษ พักโทษให้กับนักการเมือง แกนนำม็อบ คดีเกี่ยวกับมาตรา 112 เพราะของเหล่านี้เผลอแตะเมื่อไหร่เป็นมือพองเมื่อนั้น

การปรองดองที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นไปในลักษณะที่ทำเพื่อให้ได้รู้ว่าทำแล้ว พยายามแล้วไม่ได้ลงลึกถึงรากเหง้าแก้ปัญหาถึงต้นตอแต่อย่างใด


You must be logged in to post a comment Login