วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

คนกลางเพื่อ‘ปรองดอง’? / โดย Pegasus

On February 6, 2017

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus

มีความพยายามจะสร้างความปรองดอง แต่ท่าทีการทำงานไม่ได้สนับสนุนการปรองดอง คือออกมาในลักษณะการบังคับตามนิสัยที่เคยชินมากกว่า หรือแค่สร้างภาพเหมือนบางพรรคการเมืองเป็นรัฐบาล หลังจากมีการใช้กำลังสังหารประชาชนโดยไร้ความผิดโดยสิ้นเชิง

ลักษณะเช่นนี้คงไม่สามารถสร้างความปรองดองอะไรได้ และหากไม่แก้ไขความเกลียดชังก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ฝ่ายทหารจะใช้กำลังเท่าไรก็ตามในการสอดส่องประชาชน จนกำลังทหารที่จะใช้ในการป้องกันประเทศอ่อนแอ ความไม่พอใจก็ก่อตัวอย่างเงียบๆ จะมีเพียงชนชั้นนำส่วนน้อยเท่านั้นที่มีความสุขกับการปรองดองแบบปลอมๆและหลอกตัวเองว่าทุกอย่างสงบดี แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการค่อยๆล่มสลายของสังคมจากการกัดกร่อนภายใน จนในที่สุดก็จะกลายเป็นแค่ประเทศด้อยพัฒนาที่น่าสมเพช

การปรองดองจะเกิดขึ้นได้จริงและทุกฝ่ายให้การยอมรับมีอยู่ 2 ประการคือ ต้องแน่ใจว่ามีคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับเป็นผู้ดำเนินการโดยไม่มีอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้แต่ฝ่ายประชาธิปไตย อีกประการคือ ต้องแน่ใจว่าหลังการสร้างความปรองดองแล้วจะไม่มีวันหวนกลับไปสร้างความแปลกแยกด้วยกำลังและความไม่เป็นธรรมอีกต่อไป

การมีคนกลางที่แท้จริงจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญให้กระบวนการสร้างความปรองดองมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่สร้างภาพหลอกลวงกันไปเรื่อยๆ ดังนั้น คนกลางที่จะสร้างความปรองดองจะต้องมีความรู้และเข้าใจอย่างชัดเจนว่าจะสร้างความปรองดองไปในทิศทางใด

ผ่านมา 10 กว่าปี มีการสร้างวาทกรรม มีการใช้กำลังทำร้ายประชาชนอย่างรุนแรงหลายครั้ง โดยผู้สั่งการรวมทั้งผู้สนับสนุนต่างอยู่อย่างสุขสบาย ขณะที่ประชาชนผู้ถูกกระทำไม่ถูกกวาดล้างก็ถูกจองจำอย่างไร้ความปรานี สังคมเกิดแตกแยกอย่างหนัก ไม่มีใครแอบอ้างว่าเป็นกลางอีกต่อไป

เมื่อคนกลางในประเทศหาไม่ได้ก็ต้องยอมรับความจริงด้วยการหาคนกลางจากต่างประเทศที่มีความชำนาญในการสร้างสันติภาพและความปรองดองมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งฝ่ายทหารย่อมรู้ดี เพราะเคยร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพหลายครั้ง แต่การสร้างความปรองดองมีอะไรมากกว่าการส่งกำลังทหารไปรักษาสันติภาพ กระบวนการสร้างความปรองดองระหว่างกลุ่มต่างๆที่ขัดแย้งกันจะได้ผลมากหรือน้อยก็ต้องดูสถานการณ์ของแต่ละแห่งแต่ละประเทศ

ทหารรุ่นใหม่ๆที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องสันติภาพมานานย่อมจะให้คำแนะนำรัฐบาลที่ไม่มีความคุ้นเคยกับกระบวนการเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจว่าสหประชาชาติไม่ใช่ใครอื่น ประเทศไทยก็มีส่วนเป็นเจ้าของด้วยตามสัดส่วนในฐานะหนึ่งในสมาชิก โดยเงื่อนไขต่างๆประเทศเจ้าภาพสามารถกำหนดได้เท่าที่ไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาดผิดมนุษย์หรือเป็นแบบไทยๆมากเกินไปจนเห็นว่าไม่ต้องการจะแก้ปัญหาจริงๆ

เมื่อไทยเองก็มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของสหประชาชาติ การทำให้เกิดความก้าวหน้าและความสงบเรียบร้อยในประเทศไทยเองจึงไม่เสียหาย นอกจากกลุ่มที่เสียประโยชน์และไม่สนใจที่จะปรองดองจริงๆเท่านั้น

การสร้างความปรองดองต้องร่วมกันเรียกร้องให้มองกลไกระหว่างประเทศที่เป็นกลางจริงๆจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด

หน่วยงานเพื่อสันติภาพของสหประชาชาติย่อมมีความรู้ในรูปแบบการสร้างความปรองดองที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่เกิดความขัดแย้ง จึงมั่นใจได้ว่าจะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย หรือแม้แต่การจะนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายเพื่อไม่ให้คนของพวกตนเองมีคดีติดตัวก็มีความเป็นไปได้ ทั้งหมดก็อยู่ที่เงื่อนไขที่จะกำหนด แต่สิ่งที่จะเป็นหลักประกันคือการปรับรูปแบบทางการเมืองและกระบวนการยุติธรรม รวมถึงระบบราชการต้องตอบสนองผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นผลพลอยได้ที่เป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงเช่นที่ผ่านมาอีก

หน่วยงานด้านรักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติ (UN Peace Keeping Operations) จึงเป็นคนกลางภายใต้คำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่ควรจะเชิญเข้ามาเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง


You must be logged in to post a comment Login