- เรื่องยังไม่จบPosted 24 hours ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
ไม่เอา‘ตะวันตก’แล้วไงต่อ? / โดย สุรพศ ทวีศักดิ์
คอลัมน์ : ทรรศนะแสงสว่าง
ผู้เขียน : สุรพศ ทวีศักดิ์
เมื่อเราเรียกร้องเสรีประชาธิปไตยก็เผชิญกับข้ออ้างของชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมว่าเสรีประชาธิปไตยเป็นของตะวันตก เมื่อเสนอการแยกศาสนาจากรัฐให้ทุกองค์กรศาสนาเป็นเอกชนและเคารพหลักสิทธิมนุษยชนก็เผชิญกับข้ออ้างของชนชั้นนำพุทธศาสนาและศาสนาอิสลามบางส่วนว่าเป็นความคิดของตะวันตก
นักวิชาการศาสนาบางคนถึงกับกระแหนะกระแหนผมว่า “นับถือศาสนาเสรีนิยม” หรือบางคนถามตลกๆว่า “เสรีนิยมไม่มีอำนาจซ่อนเร้นอยู่เลยหรือ?” ราวกับว่าศาสนาเป็นเรื่องที่ปลอดจากอำนาจ และไม่รู้ความจริงเลยว่าไม่ว่ารัฐศาสนา เสรีประชาธิปไตย หรือการปกป้องหลักสิทธิมนุษยชน ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยอำนาจรัฐ และหรืออำนาจการเมืองระหว่างประเทศทั้งนั้น
ข้ออ้างที่ว่าเพราะเป็น “ของตะวันตก” เป็นข้ออ้างที่ตลกร้ายมาก เพราะการนำเข้าวัฒนธรรมตะวันตกก็เริ่มจากชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งนั้น
ไม่ว่าจะรับความรู้สมัยใหม่แบบตะวันตกเข้ามา ส่งลูกหลานไปเรียนเมืองนอก (ฝรั่ง) รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกตั้งแต่การแต่งกาย ดนตรี เต้นรำ มารยาทการเข้าสังคม วัฒนธรรมบริโภคนิยม เศรษฐกิจทุนนิยม แล้วปรับให้เป็นทุนนิยมผูกขาดในกลุ่มผลประโยชน์ชนชั้นนำ ฯลฯ
มี “ของตะวันตก” เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ชนชั้นนำไม่ต้องการ นั่นคือ “เสรีประชาธิปไตย” เพราะเมื่อปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตย สิ่งต่างๆที่รับมาจากตะวันตกและรับมาภายใต้กรอบที่ชนชั้นนำได้เปรียบ ทั้งเรื่องสถานะ อำนาจและผลประโยชน์ ก็ย่อมจะถูกตั้งคำถาม ถูกท้าทาย และวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบโดยประชาชนที่กลายเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง
เช่นเดียวกับชนชั้นนำทางศาสนาที่ปฏิเสธแนวคิดการแยกศาสนาจากรัฐ เพื่อจะให้ทุกศาสนาเคารพหลักสิทธิมนุษยชนได้จริง เพราะสถานะ อำนาจและผลประโยชน์ของพวกเขาจะสั่นคลอน
แต่ตลกตรงที่ชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมและชนชั้นนำทางศาสนาเหล่านั้น เวลาอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่พวกตัวเองก็มักจะอ้างหลักสิทธิและหลักประชาธิปไตย
แม้แต่กลุ่มที่ได้อำนาจจากรัฐประหารก็อ้างว่าพวกตนมีสิทธิที่จะคิด พูด เสนอความเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางทีก็อ้างเสียงส่วนมากของประชาชนจากโพลว่าคนส่วนใหญ่สนับสนุนตัวเอง แต่กลับไม่ยอมรับเสรีภาพในการวิจารณ์ ตรวจสอบจากประชาชน ไม่ยอมพิสูจน์คะแนนนิยมของตัวเองผ่านการเลือกตั้ง
ทำนองเดียวกัน ชนชั้นนำทางศาสนาหรือพวกศาสนานิยมก็มักอ้างว่าพวกตนมีสิทธิเรื่องนั้นเรื่องนี้ อ้างว่าคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาของฉัน อ้างกระทั่งว่าพื้นที่จังหวัดนั้นจังหวัดนี้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฉัน ฉะนั้นพื้นที่จังหวัดนี้จึงเป็น “บ้านของพวกฉัน”
แต่เวลาที่มีใครเสนอว่าให้ทุกศาสนาแยกจากรัฐ องค์กรทุกศาสนาเป็นเอกชนอยู่ภายใต้กติกาเสรีประชาธิปไตยเท่าเทียมกันและเคารพสิทธิมนุษยชนของคนต่างศาสนา คนไม่มีศาสนาที่อาจจะมีความเชื่อ ความคิดขัดแย้งและท้าทายศาสนาของคุณ พวกเขาก็จะประสานเสียงไม่เอาว่านั่นเป็นความคิดตะวันตก
คำถามคือ ถ้าไม่เอาเสรีประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เพราะมันเป็น “ของตะวันตก” แล้วไงต่อ?
อะไรคือ “ของเรา” ที่ดีกว่า “ของตะวันตก” แล้วเราจะใช้ “ของเรา” ที่ว่านั้นมาเป็น “กติกากลาง” ในการอยู่ร่วมกันของคนหลายสถานะ หลายศาสนา หลายวัฒนธรรม และคนไม่มีศาสนา ให้อยู่ร่วมกันอย่างยุติธรรมได้อย่างไร
คำตอบที่ “ชัดแจ้งในตัวมันเอง”
ที่เราเห็นประจักษ์มาโดยตลอดคือ “ของเรา” ไม่ว่าจะเรียก “ความเป็นไทยของเรา” หรือ “ศาสนาของเรา” ไม่มี “เราทุกคน” อยู่ในนั้น และอยู่อย่างผู้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในการกำหนดอนาคตของตนเอง
ไม่ว่าความเป็นไทยของเราหรือศาสนาของเรา คนที่ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งในความเป็นไทยของเราหรือศาสนาของเราก็คือ คนที่เชื่อง เชื่อฟังและภักดีต่ออำนาจของชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยม ชนชั้นนำทางศาสนา หรือองค์กรศาสนาเท่านั้น หากไม่เช่นนั้นคุณก็จะถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่ศาสนิกที่ดี อาจถูกไล่ออกจากประเทศหรือถูกสาปแช่งให้ไปลงนรก ซึ่งช่วงหลังยิ่งเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้บ่อยขึ้น
ฉะนั้นเมื่อไม่เอาเสรีประชาธิปไตย การแยกศาสนาจากรัฐ ให้องค์กรทุกศาสนาเป็นเอกชนและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน ก็ไม่มีกติกากลางที่ปกป้องสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของคนทุกระดับชั้น ทุกศาสนา ทุกวัฒนธรรม และคนไม่มีศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน
ภายใต้ความเป็นไทยของเราและศาสนาของเราที่ไม่ใช่ตะวันตก เราบางคนบางส่วนที่ไม่สยบต่ออำนาจชนชั้นนำและอำนาจศาสนาย่อมไม่ถูกนับรวมใน “ความเป็นเรา” และในความเป็นเราเช่นนั้นย่อมหาความยุติธรรมไม่ได้ เพราะชนชั้นนำครอบครองอำนาจรัฐและศาสนจักรไว้ทุกอย่างที่เป็นของตะวันตกที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา ยกเว้นเสรีประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน
การอ้างความเป็นไทย อ้างศาสนา เพื่อปฏิเสธเสรีประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชนสากล จึงเป็นมายาคติที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยที่ได้เปรียบในสังคมเท่านั้น
You must be logged in to post a comment Login