- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 3 hours ago
- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
ธุรกิจ‘ทรัมป์’ในเอเชีย
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะยุติการทำธุรกิจทั้งหมดหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ โดยให้ลูกชาย 2 คน ดูแลกิจการแทน
แต่ในฐานะเป็น “เจ้าพ่อ” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ทำให้หลายฝ่ายแคลงใจ ไม่ปักใจเชื่อว่าทรัมป์จะเว้นจากพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้
ทรัมป์เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหาร และตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ ของบริษัทในเครือ Trump Organization ประมาณ 500 บริษัท กระจายอยู่ใน 20 ประเทศ เฉพาะในอาเซียนและเอเชียตะวันออก มีประมาณ 4 ประเทศ
ที่ฟิลิปปินส์ ทรัมป์ขายแบรนด์หรือตราสินค้าให้บริษัท Century Properties Group นำไปใช้เป็นชื่อคอนโดมิเนียมหรูกลางกรุงมะนิลาว่า “Trump Tower Manila”
คอนโดมิเนียมดังกล่าว เป็นตึก 57 ชั้น ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 27 ชั้น บริษัทเจ้าของโครงการใช้งบก่อสร้าง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และจ่ายค่าซื้อชื่อให้ทรัมป์ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ เห็นว่าโฮเซ อันโตนิโอ ซีอีโอของ Century Properties Group รู้จักกับครอบครัวทรัมป์ จึงแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษด้านการค้าและนโยบายทางเศรษฐกิจประจำสหรัฐ
โรเบิร์ต แมนนิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย แห่ง Atlantic Council ของสหรัฐ มองว่าหากทรัมป์พบปะกับอันโตนิโอ ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า การพบปะดังกล่าว ทำเพื่อประโยชน์ของชาติหรือของบริษัท
ส่วนที่อินโดนีเซีย บริษัทในเครือ Trump Organization ร่วมกับบริษัทท้องถิ่น MNC Group ซึ่งเป็นค่ายสื่อรายใหญ่ สร้างรีสอร์ตหรูที่บาหลีและลิโด โดยบริษัทของลูกชายทรัมป์ทำหน้าที่บริหารรีสอร์ต
ขณะที่เกาหลีใต้ บริษัทของทรัมป์ขายแบรนด์ให้บริษัทเจ้าของโครงการใช้เป็นชื่อคอนโดมิเนียม 6 แห่ง ในกรุงโซลและปูซาน
ส่วนที่จีน ทรัมป์ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนตราสินค้า Donald Trump เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว แต่จีนไม่อนุมัติ เพิ่งเปลี่ยนใจอนุมัติให้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โจชัว เคอร์แลนท์ซิก ผู้เชี่ยวชาญเอเชียและอาเซียน แห่ง Council on Foreign Relations ของสหรัฐ มองเรื่องนี้ว่า การใช้ชื่อผู้นำสหรัฐเป็นชื่อสถานประกอบการ ถือว่าไม่ผิด แต่ก็เสี่ยงเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่จีน คือแบรนด์ Ivanka Trump ของลูกสาวคนโตผู้นำสหรัฐ ได้รับความสนใจจากบริษัทจีนจำนวนมาก มีผู้ประกอบการยื่นขอซื้อใบอนุญาตใช้ชื่อนี้แล้วอย่างน้อย 65 บริษัท
ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งที่บริษัทครอบครัวทรัมป์เข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้ผู้นำสหรัฐถูกจับตามองว่า จะ “ล้างมือ” จากผลประโยชน์ทางธุรกิจได้จริงตามที่พูดมากน้อยแค่ไหน
You must be logged in to post a comment Login