- อย่าไปอินPosted 22 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ภาวะย้อนแย้ง
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
บรรยากาศบ้านเมืองตอนนี้ต้องบอกว่าอยู่ในช่วงย้อนแย้ง หรือ Contrast แบบสุดๆ
ในขณะที่เรากำลังโหมพูดเรื่องสร้างความปรองดอง คืนความรักความสามัคคีให้คนในชาติกลับมาอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุขอีกครั้ง แต่กลับมีบรรยากาศของความขัดแย้งขึ้นมาปกคลุมและขยายตัวออกไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ เกิดจากกรณีการประกาศใช้มาตรา 44 ให้พื้นที่วัดพระธรรมกายและรอบวัดในรัศมี 500 เมตร เป็นพื้นที่ควบคุมเพื่อใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากตามจับพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฟอกเงินรับของโจร
ความจริงเวลาพูดถึงคดีนี้ ก็มีคำถามที่รอคำตอบอยู่เหมือนกันว่ามีกี่รายที่รับเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แล้วมีกี่รายที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย มีกี่รายที่ถูกปฏิบัติการไล่ล่าเหมือนพระธัมมชโย
แน่นอนว่าเมื่อถูกกล่าวหาว่าทำความผิด ก็ต้องดำเนินการกันไปตามกฎหมาย แต่ปัญหาที่พบในตอนนี้คือวิธีการที่จะนำมาเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ
ไล่เลียงตั้งแต่การออกข่าวในเชิงหวังผลทางจิตวิทยามาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงการปฏิบัติการโดยใช้กำลังทั้งทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จำนวนมาก โดยใช้การปฏิบัติทางยุทธวิธี แม้ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธบุกเข้าจู่โจม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการใช้ยุทธวิธีทางทหาร แตกต่างไปจากการตามจับผู้ต้องหารายอื่นๆ
ทั้งการส่งกำลังปิดล้อม ประกาศเป็นเขตหวงห้าม ห้ามคนเข้า จนมาถึงการตัดสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่
เป็นปฏิบัติการที่ทำให้หลายคนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ปิดล้อมขอคืนพื้นที่จากคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันในปี 2553
แม้มีคำถามว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ แต่ผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติก็ยืนยันว่าเป็นการทำตามกฎหมาย ทั้งที่คำว่า “ตามกฎหมาย” กับคำว่า “เกินกว่าเหตุ” มีความหมายแตกต่างกัน
ย้อนไปถึงต้นเรื่องว่าการปฏิบัติต่อวัดพระธรรมกายเป็นความย้อนแย้งต่อการสร้างความปรองดองที่ว่าไว้ในตอนต้น
ที่เห็นว่าย้อนแย้งทำลายบรรยากาศสร้างความปรองดองเพราะหากใครติดตามข่าวสารทั้งจากสื่อกระแสหลัก สื่อกระแสรอง และความเห็นตามเครือข่ายสังคมออนไลน์จะเห็นว่ากรณีวัดพระธรรมกายจุดไฟความขัดแย้งให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
สื่อกระแสหลัก สื่อกระแสรองที่ถูกมองว่ายืนฝ่ายเดียวกับปฏิบัติการปราบปรามประชาชนในช่วงการชุมนุมปี 2553 หรือสนับสนุนการชุมนุมของม็อบนกหวีดในปี 2557 ที่ผ่านมา หรือสนับสนุนการเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันก่อนหน้านี้ ก็ยังทำหน้าที่เชียร์ปฏิบัติการปิดล้อมวัดพระธรรมกายอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู นำเสนอข่าวสารผ่านตัวหนังสือและการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเมามัน
ในขณะที่ฝ่ายที่ถูกกระทำในการชุมนุมปี 2553 การชุมนุมปี 2557 หรือก่อนหน้านั้นก็ถูกผลักให้เป็นพวกเดียวกับพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย
บรรยากาศขณะนี้จึงเป็นบรรยากาศเดียวกันกับช่วงก่อนรัฐประหารทั้งปี2548 และ 2557 แตกต่างกันเพียงแค่ฝ่ายที่คุมอำนาจรัฐอยู่เท่านั้น
หากจะเปรียบกันจริงๆ มันเป็นบรรยากาศเหมือนความขัดแย้งในช่วงปี 2552 ต่อเนื่องมาถึงปี 2553
เป็นบรรยากาศของการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ที่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ และเสียงตะโกนด่ากันไปมา โดยไม่สนใจเหตุผล เอาแต่ความถูกใจเป็นที่ตั้ง
บรรยากาศแบบนี้ย้อนแย้ง หรือ Contrast กับการสร้างความปรองดองเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด บางทีอาจเป็นชนวนล้มกระบวนการสร้างความปรองดองที่กำลังดำเนินการอยู่เลยก็เป็นไปได้
You must be logged in to post a comment Login