- ปีดับคนดังPosted 16 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
โดดเดี่ยวกลางมหาสมุทร / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
เด็กหญิงวัย 11 ขวบ ลอยแพอยู่กลางมหาสมุทรตามลำพังนานถึง 4 วันโดยไม่มีทั้งน้ำและอาหาร ในช่วงเวลาดังกล่าวเธอรอดตายราวปาฏิหาริย์ถึง 2 ครั้ง 2 คราติดๆกัน
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาร์เธอร์ ดูเพอร์รอลต์ เคยนั่งเรือรบผ่านหมู่เกาะต่างๆในแถบทะเลแคริบเบียน ความสวยงามดุจแดนสวรรค์ทำให้อาร์เธอร์วางแผนไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะล่องเรือไปตามเกาะต่างๆจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งทั่วโลก
ปี 1961 จักษุแพทย์อาร์เธอร์วัย 41 ปี เก็บหอมรอมริบได้เงินมากพอที่จะพาภรรยาและลูก 3 คน เช่าเรือยอชต์ไปเที่ยวแถบเกาะทะเลใต้ได้ตามที่เคยฝันเอาไว้ แผนที่วางเอาไว้คือ ทริปนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์กลางทะเลแคริบเบียน และถ้าหากทุกอย่างไปได้สวยเขาก็อาจจะยืดเวลาพักผ่อนออกไปอีกตามความพอใจ
วันที่ 8 พฤศจิกายน 1961 อาร์เธอร์พร้อมกับ จีน ภรรยาวัย 38 ปี ไบรอัน ลูกชายคนโตวัย 14 ปี เทอร์รี โจ ลูกสาววัย 11 ปี และ เรเน่ ลูกสาวคนเล็กวัย 7 ปี ออกเดินทางจากฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา มุ่งหน้าสู่หมู่เกาะบาฮามาส
เก็บเปลือกหอย ชมปะการัง
อาร์เธอร์เช่าเรือยอชต์ชื่อ “บลูเบลล์” พร้อมกับกัปตันเรือ จูเลี่ยน ฮาร์วีย์ อดีตทหารอากาศวัย 44 ปี ซึ่งเขาขอนำภรรยาใหม่ แมรี่ เดนี วัย 34 ปี ติดตามไปด้วยในฐานะแม่ครัว
จูเลี่ยนบังคับเรือแล่นผ่านหมู่เกาะต่างๆในทะเลใต้ ความสวยงามไม่แตกต่างไปจากที่อาร์เธอร์ได้เห็นเมื่อหลายสิบปีก่อน น้ำทะเลเป็นสีครามเข้มผิดกับน้ำทะเลแถบชายฝั่งฟลอริดาที่ค่อนไปทางดำ
4 วันต่อมา เรือบลูเบลล์เดินทางมาถึงเกาะบิมินี อาร์เธอร์พร้อมภรรยาและลูกๆลงดำน้ำดูปะการังและเก็บเปลือกหอย ก่อนที่จะพากันขึ้นฝั่งเดินชมหมู่บ้านคนพื้นเมือง
เช้าวันที่ 12 พฤศจิกายน อาร์เธอร์และจูเลี่ยนเดินทางมาที่สำนักงานปกครองท้องถิ่นแซนดี้ พอยต์ เพื่อกรอกเอกสารแจ้งกำหนดการเดินทางกลับ โดยอาร์เธอร์บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเขามีความสุขมาก และจะเดินทางมาที่นี่อีกครั้งก่อนเทศกาลคริสต์มาส
ปิศาจเผยร่าง
คืนนั้นแมรี่ปรุงไก่อบสมุนไพรและสลัดผักเสิร์ฟในมื้อค่ำ หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว เทอร์รี โจ ขอตัวกลับไปนอนที่ห้องท้ายเรือ ซึ่งปรกติแล้วเรเน่ น้องสาวคนเล็ก จะนอนในห้องนี้ด้วย แต่คืนนี้เธอยังไม่ง่วงจึงขออยู่ร่วมวงสนทนากับพวกผู้ใหญ่
เทอร์รี โจ ตกใจตื่นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงไบรอันตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย พ่อ ช่วยด้วย” จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าตามมาด้วยเสียงปึงปัง ก่อนที่เสียงจะเงียบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทอร์รี โจ นั่งนิ่งรอประมาณ 5 นาที ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้องนอนออกมาดู ขณะที่เดินผ่านห้องนอนใหญ่ที่ถูกใช้เป็นห้องรับประทานอาหารเมื่อตอนหัวค่ำเธอเห็นร่างของแม่และพี่ชายนอนจมกองเลือด
เทอร์รี โจ รีบวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือก็พบกองเลือดอีกกองทางด้านกราบขวาเรือ เธอวิ่งไปที่ด้านหน้าเรือ แต่ถูกจูเลี่ยนกระชากตัวเอาไว้แล้วไล่ให้เธอกลับลงไปที่ห้อง
รอดราวปาฏิหาริย์
เทอร์รี โจ นั่งตัวสั่นงันงกอยู่บนเตียง สักพักก็ได้ยินเสียงน้ำและมีกลิ่นน้ำมันโชยเข้ามาในห้อง เธอรู้โดยสัญชาตญาณว่าเรือกำลังจะจม เงาของจูเลี่ยนปรากฏขึ้นที่หน้าห้อง เขายืนมองเทอร์รี โจ ครู่หนึ่งก่อนจะกลับขึ้นไปบนดาดฟ้า
น้ำไหลเข้าเรืออย่างรวดเร็ว เมื่อระดับน้ำสูงถึงขอบเตียง เทอร์รี โจ ก็ตัดสินใจลงจากเตียงเดินลุยน้ำขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เห็นจูเลี่ยนกำลังแก้เชือกมัดเรือชูชีพ เธอจึงถามว่าเรือกำลังจะจมหรือ?
“ใช่” จูเลี่ยนตอบอย่างมีอารมณ์ พร้อมกับยื่นเชือกผูกเรือชูชีพยัดใส่มือเทอร์รี โจ พร้อมกับบอกว่า “ถือเอาไว้” แต่ตอนนั้นเทอร์รี โจ กำลังตื่นตกใจ เธอจึงทำเชือกหลุดมือ ทำให้เรือชูชีพร่วงลงสู่ทะเล จูเลี่ยนรีบกระโดดลงจากเรือว่ายน้ำตามเรือชูชีพหายไปในความมืด
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เทอร์รี โจ นึกขึ้นมาได้ว่ามีแพยางลำหนึ่งพับแขวนอยู่บนผนังห้องนอนใหญ่ เทอร์รี โจ แก้เชือกมัดแพยางนำมันขึ้นมาที่ดาดฟ้า เป็นเวลาเดียวกับที่น้ำเข้าเต็มลำเรือ เธอปีนขึ้นไปนั่งบนแพแล้วถีบตัวออกจากเรือบลูเบลล์
เป็นวินาทีเดียวกับที่เรือใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล เชือกผูกแพเส้นหนึ่งพันเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้มันดึงแพยางจมลงไปด้วย แต่โชคดีที่ไม่นานนักปลายเชือกก็คลายออก ทำให้แพยางทะลึ่งขึ้นสู่ผิวน้ำ ไม่ถูกดึงตามเรือใหญ่ลงไป
ไม่น่ารอด
เทอร์รี โจ เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องลอยแพกลางมหาสมุทรที่เวิ้งว้างตามลำพังโดยไม่มีทั้งน้ำและอาหาร เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มีแค่เพียงเสื้อครึ่งตัวบางๆและกางเกงนอนขายาวเท่านั้น
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าทำให้เทอร์รี โจ รู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็รู้ว่ามันแย่ยิ่งกว่าตอนกลางคืน เพราะอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส ขณะที่เธอไม่มีอะไรบังแดดเลยแม้แต่น้อย
เช้าวันที่ 3 ของการลอยแพตามลำพัง เทอร์รี โจ ได้ยินเสียงเครื่องบิน เธอจึงโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ เครื่องบินลำนั้นบินตรงมาหาเธอเหมือนใช้ไม้บรรทัดวัด แต่แล้วก็บินผ่านไปเฉยๆ
ทิศทางการบินที่พุ่งตรงเข้ามานั้นทำให้นักบินมองไม่เห็นสิ่งผิดปรกติเบื้องล่าง อีกทั้งแพยางเป็นสีขาว และเสื้อที่เทอร์รี โจ สวมใส่ก็เป็นสีขาว เมื่อมองไกลๆจากเบื้องบนจะดูเหมือนกับเป็นฟองคลื่น
คนรอดไม่รอด
เช้าวันที่ 4 ของการลอยแพกลางมหาสมุทรตามลำพัง อาการของเทอร์รี โจ เริ่มเข้าสู่ภาวะพร้อมจะปิดระบบการทำงานได้ทุกเมื่อ ทุกๆอย่างรอบตัวดูเหมือนจะริบหรี่ สมองเริ่มมึนงง หนังตาหนักจนลืมแทบไม่ขึ้น
ช่วงเวลาสายๆเงาทะมึนคืบคลานเข้ามาใกล้ แพยางถูกยกลอยขึ้นเลียบหน้าผาสูงแล้วค่อยๆถูกหย่อนลงในหุบผา เทอร์รี โจ ฝืนลืมตาขึ้น เห็นคนหลายคนกลุ้มรุมล้อมรอบตัว หลังจากนั้นเธอก็หมดสติไปอีกครั้ง
เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติกรีกผ่านมาพบโดยบังเอิญ ลูกเรือช่วยกันยกแพยางขึ้นเรือแล้วส่งวิทยุแจ้งเหตุไปยังหน่วยยามฝั่งไมอามีให้นำเฮลิคอปเตอร์มารับ
3 วันก่อนหน้านี้ เรือบรรทุกน้ำมันเปอร์โตริโกพบเรือชูชีพของจูเลี่ยน เขาถูกส่งตัวกลับไปยังไมอามี จูเลี่ยนให้การกับเจ้าหน้าที่ยามฝั่งว่าเรือบลูเบลล์ถูกพายุซัดกระหน่ำทำให้เกิดระเบิดจมกลางทะเล ลูกเรือเสียชีวิตหมดทุกคน
หลังจากรู้ข่าวว่าเทอร์รี โจ รอดชีวิต จูเลี่ยนตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีความผิด จากการสืบสวนพบว่าจูเลี่ยนทำประกันชีวิตให้กับภรรยาวงเงิน 20,000 ดอลลาร์ก่อนหน้าการเดินทางเพียงไม่กี่วัน เขากำลังประสบปัญหาทางการเงินจึงวางแผนสังหารภรรยาเพื่อหวังเอาเงินประกัน
ตำรวจเชื่อว่าจีนอาจเห็นเหตุการณ์ จูเลี่ยนจึงต้องสังหารเธออีกคน ส่งผลให้เหตุการณ์บานปลายจำเป็นต้องสังหารทุกคน แต่เทอร์รี โจ รอดมาได้ก็เพราะเธอทำเชือกผูกเรือชูชีพหลุดมือ ทำให้จูเลี่ยนต้องกระโดดออกจากเรือเพื่อว่ายน้ำตาม
ขณะเดียวกันเทอร์รี โจ ก็ไม่ควรรอดชีวิตตั้งแต่ตอนที่เรือบลูเบลล์จมสู่ก้นทะเล ถ้าเธอไม่เสียชีวิตทันทีก็น่าจะเสียชีวิตจากการขาดอาหารและน้ำ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นตามนั้น เทอร์รี โจ รอดชีวิตมาได้ทั้งๆที่ไม่น่าจะรอด
You must be logged in to post a comment Login